
ภัควดี วีระภาสพงษ์
·
ตอนนั้นลูกเราก็เป็นคนหนึ่งที่ไปช่วยเป็นที่ปรึกษาทางโทรศัพท์/ออนไลน์ ดูแลโรงงานแห่งหนึ่ง สุดท้ายก็มีป้าแม่บ้านคนหนึ่งเสียชีวิต ยังจำได้ว่าลูกเรามันนั่งร้องไห้ นี่ว่ามันรับดูแลไม่กี่เคสนะ และไม่ต้องไปดูแลคนป่วยโดยตรง ดังนั้นช่วงนี้พวกบุคลากรทางการแพทย์ที่เคยผ่านช่วงนั้นมา ย่อมมีทรอม่าทางจิตใจ PTSD กันพอสมควรเมื่อต้องพบว่าวันนี้ประเทศเรามีท่านนายกหมื่นศพเป็นผู้นำประเทศ
Chutinart Chinudomporn
8 hours ago
ตอนช่วงโควิด เป็นแพทย์ประจำบ้านอายุรกรรม มีคนไข้เข้ามาเยอะมากทั้งในวอร์ดปกติ วอร์ดวิกฤต เยอะจนต้องเปลี่ยนวอร์ดธรรมดาเป็นวอร์ดวิกฤต พยาบาล ผู้ช่วยพยาบาล เวรเปล ทำงานกันหามรุ่งหามค่ำ รับความเสี่ยง หลายคนอุปกรณ์ป้องกันตัวเองยังไม่พร้อมแต่ถ้ามีเหตุการณ์เร่งด่วนก็พร้อมเข้าไปช่วยแม้ว่าตัวเองจะยังไม่ได้ฉีดวัคซีน มีพยาบาลที่วอร์ดตั้งครรภ์ ทำงานจนเป็นลม หลายคนนั่งร้องไห้เพราะคิดถึงบ้าน กลัวไม่ได้กลับ แต่ก็ไม่กล้าทิ้งคนไข้ พยาบาลวอร์ดต้องฝึกฝีมือดูแลคนไข้ใส่ท่อช่วยหายใจ ที่ถูกน็อคด้วยยานำสลบหลายตัว จนไม่รับรู้อะไร และหลายคนก็จากไปแบบนั้น โดยใบหน้าสุดท้ายที่เห็นคือใบหน้าบุคลากรในชุดเหมือนนักบินอวกาศ ไม่ได้ยินเสียงอะไร เเม้กระทั่งเสียงฝากลาจากครอบครัวที่พวกเราพยายามตะโกนให้เขาฟัง
นอกเวลางาน สหายที่เจอกันในโลกออนไลน์ ชวนร่วมทำงานเป็นหมออาสาในกลุ่มดูแลกันเอง ซึ่งชื่อกลุ่มสะท้อนภาพงานในตอนนั้น ที่ไม่มีใครช่วยเหลือใครได้ มีแต่พวกเราช่วยกันเอง มีทีมแพทย์อาสา พยาบาลอาสาหลายคน กับทีมหน้างานที่ไม่ได้มีใครทำงานด้านการแพทย์ แต่ช่วยเหลือกันเต็มที่ ใส่ชุดป้องกันตัวเท่าที่มี ส่งยาตามบ้านเท่าที่หาได้ ประสานหายากันหัวขวิด บางคนเหนื่อยอยู่บ้าน ก็ต้องซื้อยาพ่นปอด หาเครื่องออกซิเจนเท่าที่มี ขับไปดูอาการ หนักสุดคือคนงานที่ถูกขังอยู่ในค่ายคนงานด้วยนโยบาย Bubble and seal คือปิดค่ายคนงานสนิท ช่วงแรกแม้แต่อาหารยังส่งเข้าไปไม่ได้จนต้องโยนอาหารข้ามรั้ว มีทหารมายืนคุม จนช่วงหลัง เราพอติดต่อกับแคมป์ได้บ้าง หมอแต่ละคนก็จะช่วยรับผิดชอบแคมป์แต่ละแคมป์ บางแคมป์ก็ไม่มีคนป่วยหนัก แต่เขาทุกคนล้วนแต่กังวลว่าจะเข้าถึงการรักษาได้ยังไง โดยเฉพาะคนงานข้ามชาติ ที่นายจ้างบางคนดูแลดีมาก ขับรถเข้าไปดูแล ให้แจ้งอาการรายงาน หายาส่งเข้าไป แคมป์ที่เพื่อนช่วยดู มีคนตายในแคมป์ ต้องฝังกันเองในนั้น เพื่อนที่ต้องทำงานในโรงพยาบาลท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียด เจอคนไข้เสียชีวิตไปอย่างเงียบๆ ถึงกับดิ่งหนัก
ส่วนตัวมีสองคนที่ตายระหว่างการช่วยหาโรงพยาบาล คุณลุงที่นอนออกซิเจนเหลือ 80 กว่าที่บ้าน ไม่มีที่ไหนรับ จนต้องบอกว่าให้เอาไปทิ้งหน้าห้องฉุกเฉิน สุดท้ายก็ยังถูกส่งกลับมา ลูกโทรมาบอกหลังจากนั้นสองวันว่าคุณตาเสียชีวิตแล้ว ในโรงพยาบาล เราบอกคนไข้บางคนตามจริง ว่าเราไม่มีเตียงรับแล้ว ไม่จะมีเสียงร้องขอเท่าไหร่ก็ตาม
เสียงร้องไห้ทางสายโทรศัพท์ตอนที่เราแจ้งญาติว่าคนที่เขารออยู่จากไปแล้ว ต้องโทรแจ้งการเสียชีวิตแทบจะยกครอบครัวให้กับคนที่เหลืออยู่แค่คนเดียว เรายังจำเสียงกรีดร้อง เจ็บปวด ราวกับตายไปด้วยยังดีกว่ามีชีวิตอยู่ลำพัง คนที่บินมาไกลจากต่างประเทศเพื่อมาดูใจครั้งสุดท้าย แต่เจอแค่ถุงดำที่ห่อสามชั้น ห้ามเปิดและต้องเผาไปเช่นนั้น คุกเข่ากราบเพื่อขอเห็นหน้าแม่เป็นครั้งสุดท้าย
ช่วงเวลานั้นคือช่วงเวลาที่น่าหดหู่ คนแย่งชิงวัคซีน กลับมาจากที่ฉีด ติดเชื้อ เสียชีวิต บุคลากรไม่ได้วัคซีน แต่มี VIP ในสนามกอล์ฟได้ฉีดก่อน เราต้องไปเรียกร้อง mRNA วัคซีนกันเอง ตอนที่ไปเรียกร้อง ถูกทหารเดินตามถ่ายคลิป ถ่ายป้ายทะเบียน มีคนโทรไปหาที่สถานีข่าวอ้างเป็นหน่วยงานความมั่นคง ขอข้อมูลว่าพวกเราเป็นใคร เส้นทางการเงินมาจากไหน เราไม่มีอะไร เราแค่อยากมีชีวิตและเราอยากให้คนไข้ของเรารอดไปด้วยกับเรา
วันนี้ หนึ่งในคนที่ทำให้เราสิ้นหวังมากที่สุด ก้าวสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ท่ามกลางเสียงโหวตของพรรคที่เคยเป็นความหวัง พรรคที่เคยช่วยเรียกร้องหายา หาอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ พรรคที่เคยอภิปรายเรื่องวัคซีน และที่มาของวัคซีนจนโดนฟ้องหลายคดี
เราแค่อยากจะมีหวัง และอยากจะเห็นคนมีหลักการ ที่ไม่โค้งงอให้ใครเพียงเพราะโอกาส
ทุกวันนี้ ชื่อคนไข้หลายคนที่เสียชีวิตไป จำไม่ได้อีกแล้ว แต่ยังจำเรื่องราวของเขาได้ ถ้าหากเราลืมสิ่งเหล่านี้ไป ก็จะไม่มีใครที่อยู่ในอำนาจช่วยจดจำอีกต่อไปแล้ว
#เราจะไม่ลืม
ภัควดี วีระภาสพงษ์
·
มิตรหมอคนหนึ่ง:
#ผมไม่เคยลืม ยาวหน่อยเรื่องนี้
ช่วงที่โควิดระบาดหนักมาก ตอนนั้นไม่ได้กลับบ้านเลยอยู่ติดโรงพยาบาลชุมชนตัวเอง ทำงานหนักมาก มีเพื่อนหมอวัยเดียวกัน 4 คนทำงานด้วยกัน เราเฝ้าผู้หญิงคนนึงกันทุกอาทิตย์ เป็นผู้หญิงอายุ32ปี เป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว เกิดภาวะหัวใจโตขนาดเกือบเท่าทรวงอก เสียงหัวใจเอาหูไปนาบใกล้ๆยังได้ยิน ทำให้เกิดภาวะหัวใจวายน้ำท่วมปอดบ่อยมาก ร่างกายก็ผอมลงทุกวัน ความหวังเดียวชีวิตเค้าตอนนั้นคือเค้าได้คิวผ่าตัดหัวใจจากโรงพยาบาลราชวิถี แล้วเค้าได้คิวแรกด้วยกำลังจะได้ผ่าตัด แต่เพราะโควิดที่ล๊อคดาวกระทันหันอย่างไม่มีกำหนดและไม่มีวัคซีนนำเข้ามาเลย ทำให้ผมต้องประคับประคองชีวิตเค้าอย่างมีความหวัง ส่วนเค้าก็จะมาแอดมิทเพราะน้ำท่วมปอดแทบจะทุก 2-4 อาทิตย์ แค่มาเห็นหน้าก็รู้แล้วว่าวินิจฉัยอะไร มีวันนึงก็จำได้ว่าแกเหนื่อยมาอีกก็ชวนคุยเรื่อยเปื่อยไป ผมถามเค้าว่า ‘‘พี่แล้วช่วงนี้พี่หากินยังไง ทำงานไหวไม๊’’
‘‘ก็ขายน้ำอยู่หน้าบ้านพี่ทำได้แค่นั้น เท่าที่กินไหว’’
‘‘พี่มีลูกรึยัง’’
‘‘มีแล้ว 8 ขวบเอง’’ ………
‘‘แล้วสามีพี่ล่ะคับ’’
‘‘เลิกกันตั้งแต่เด็กเกิดแล้ว พี่เลิกสนใจมันนานแล้ว ดูลูกให้ดีก็พอ’’
‘‘พี่อดทนหน่อยนะ พวกผมจะดูพี่จนกว่าพี่จะได้ผ่าตัดหัวใจนะ’’
พี่สาวเค้ายกมือไหว้ผม ‘‘พี่ไม่มีที่พึ่งแล้วฝากน้องๆหมอด้วยนะ’’ เค้าขอบคุณผมและเพื่อนหมอทุกคนที่ดูแลเค้าอย่างดี ทั้งสอนการกินน้ำ สังเกตอาการตัวเอง ดูปัสสาวะ ผมกับเพื่อนมักจะไปราวน์เค้าแล้วฝากเวรกันไปมา เวลาเค้ามาแอดมิทเมื่อไหร่ พอลงเวรก็จะบอกว่าพี่สาวคนนี้มาอีกแล้วนะ ฝากดูด้วย ทุกคนประคบประหงมพี่คนนี้ที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะรู้ว่ามีเด็กอีกคนรอเค้าอยู่ แต่พวกผม4คนก็รู้กันดีว่าถ้าไมไ่ด้ผ่าตัดมันจะมีสักวันนึงที่เค้าต้องตาย ก็พูดกันว่าถ้าเป็นไปได้ ไม่อยากอยู่เวรคืนนั้น มันคงเป็นภาพติดตาเราไม่อยากปั๊มหัวใจเค้าเลย
และแน่นอนว่าชายที่ซวยที่สุดคนนั้นก็คือผมเอง คืนวันที่ 31 มีนาคม ตอน 4 ทุ่ม ในดินแดนชนบทอีกเช่นเคย พยาบาลโทรมาหาว่าพี่สาวนอนในวอร์ดเหนื่อยไม่ไหวแล้ว ผมก็เดินไปดู แกหายใจเป่าปาก พูดได้ เหนื่อยมากจิงๆ เปิดดูชาร์ทแกปัสสาวะออกน้อยลงเรื่อยๆมาหลายวัน
‘‘พี่เคยโดนใส่ท่อช่วยหายใจไม๊’’
‘‘เคยมา2รอบแล้ว’’
‘‘เจ็บไม๊คับ’’
‘‘มากๆ

’’ผมขอใส่ได้ไม๊ ถ้าไม่ใส่พี่ไม่ไหวแน่เลย แล้วจะส่งตัวไปโรงพยาบาลจังหวัด‘‘
’’พี่จะตายไม๊น้องหมอ

’’ไม่พี่ มีผมอยู่ ผมเก่งสุดใน รพ แล้ว‘‘
ระหว่างนั้นก็มีเด็กมุดออกจากใต้เตียง รพ เป็นน้องผู้ชายคนนี้วัย8ขวบ แกมานอนเฝ้าแม่เค้าหลายคืนติดกันแล้ว ผมก็พึ่งเห็นตอนนั้น เด็กยืนมองแม่อยู่ข้างเตียงกำหมัดแล้วน้ำตาก็ใหลออกมา ไม่อยากเห็นแม่ตาย
‘‘ไอน้อง ออกไปก่อนนะ มันเจ็บนิดหน่อย ไม่อยากให้ดู ออกไปก่อน แล้วโทรเรียกญาติผู้ใหญ่คนอื่นให้หน่อย พี่จะคุยด้วย’’ หลังใส่ท่อช่วยหายใจเสร็จ ก็รอเตรียมการนิดหน่อยเพื่อส่งตัวไป รพ.จังหวัด ผมเครียดมากเลย ผมเดินวนไปวนมาอยู่ไม่สุข คือมันต้องเดินทางต่อไปอีก 50-60 กม ตรงโถงทางเดินก็มีน้องคนนี้ยืนสะพายกระเป๋า มองแม่จากไกลๆอยู่ ก็เลยเดินไปปลอบใจน้อง
‘‘เป็นไงบ้างน้อง เก่งจังเลยมาเฝ้าแม่เหรอคับ??’’
‘‘………แม่หนูจะตายไม๊พี่หมอ??‘’
คำถามนี้เป็นภาระทางจิตใจผมอย่างหนักหน่วงมาก
แต่ก็ต้องตอบไปว่า ‘‘ปลอดภัยแน่นอนเชื่อพี่นะ

ใช่ครับระหว่างทางจากอำเภอชุมชนผม ไปยังจังหวัดห่างกัน50-60กิโล ขับรถฝ่าในความมืด คนไข้เสียชีวิตระหว่างทางที่ออกไปได้ 20 นาที หัวใจเค้าหยุดเต้นระหว่างทาง แม่คนไข้บอกผมว่าไม่ต้องปั๊ม เค้าทรมานมามากพอแล้ว
ส่วนผมก็เหมือนถูกกัดกินหัวใจ ร้องไห้เดินกลับห้องนอน รู้สึกแย่มาก ศพของเค้าผมไม่กล้าแม้แต่จะไปยกมือไหว้ขอโทษเค้าด้วยซ้ำ ญาติของเค้าไม่กล้าแม้จะไปเจอหน้าด้วยซ้ำ
ผมไม่เคยลืมความแค้นต่ออนุทิน ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปี ผมไม่เคยลืม พื้นที่ที่ผมทำงานเป็นฐานเสียงของพรรคภูมิใจไทย คนที่นั่น90%เลือกภูมิใจไทยหมด มีบ้านใหญ่กำแพงแม่งยังกะวัง ส่วนชาวบ้านอยู่กับสังกะสี คุณภาพชีวิตเหี้ยๆ
ผมขอสาปแช่งตัวมันที่ยืนบนซากศพคนอื่น บริหารวัคซีนผิดพลาด จนชีวิตคนล้มตายไปไม่รู้กี่คน ใครลืมเรื่องของมึง แต่สำหรับกูมันติดตายันทุกวันนี้
และขอสาปแช่ง ทุกคนที่ช่วยต่อลมหายใจอนุทิน ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจให้ทั้งพรรคเพื่อไทยที่จับมือกับมันตั้งรัฐบาล และพรรคส้มที่โหวตให้คนแบบเป็นนายก
พวกมึงทุกตัวคงไม่เคยลิ้มรสชาติที่พ่อแม่มึงต้องมาตาย วิงวอนเกาะรั้วโรงพยาบาลขอเตียงนอน
ขอสาปแช่งให้สักวันนึงมึงต้องเห็นคนรักมึงตายต่อหน้าต่อตาด้วยความทรมาน มากกว่าภาพที่กูเห็น100เท่า1,000เท่า พวกมึงมันเหี้ย
พวกมึงหยุดพูดจาสวยหรูผ่าวิกฤติผ่าเหี้ยไรสักที คนที่เดือดร้อนไม่เคยเป็นพวกมึงจิงๆ เป็นคนพวกนี้ ชาวบ้านตัวเล็กๆทั้งนั้น
#เราจะไม่ลืม
.....
.jpg)
Ek Guevara
10 hours ago