วันศุกร์, มิถุนายน 06, 2568

ข่าวใหญ่ เอ็กซ์คลูซีฟ จาก Andrew MacGregor Marshall เกี่ยวกับ “ท่านอ้น”


Andrew MacGregor Marshall
6 hours ago
·
เอ็กซ์คลูซีฟ — วัชเรศร์ “ท่านอ้น” วิวัชรวงศ์ ถูกจับกุมหลังออกจากวัดที่เขาลี้ภัยไปเมื่อสองสามสัปดาห์ก่อน ท่ามกลางกระแสข้อกล่าวหาทุจริตที่เพิ่มมากขึ้น

เขากำลังได้รับข้อเสนอให้เลือกระหว่างออกจากประเทศไทยหรือเผชิญกับการถูกดำเนินคดี

EXCLUSIVE—Vacharaesorn “Than Aon” Vivavicharawongse, pretender to the throne of Thailand, has been arrested after emerging from a monastery he fled to a couple of weeks ago amid mounting allegations of corruption.

He is being given a choice of leaving Thailand or facing charges.

https://www.facebook.com/photo/?fbid=10162416239581154&set=a.34733576153


เรื่องเส้นเขตแดน ไม่ได้มีแต่ ‘เส้น’ แต่มี ‘คน’ ที่อยู่แถบนั้นด้วย ชาวบ้านเขา border-less อยู่แล้ว เขาอยู่กันมาก่อนมีชาติ-มีรัฐ

https://www.facebook.com/reel/1456661485688536/?ref=embed_video



ชาวเชียงรายนับพัน เดินขบวนกลางสะพานข้ามแม่น้ำกก ร้องรัฐบาลไทย เมียนมา จีน และว้า หยุดสร้างเหมืองแร่ เร่งฟื้นฟูระบบนิเวศจากปัญหาสารพิษ

 

https://www.facebook.com/TheReportersTH/posts/pfbid0r1f9tLss8ESegfzbNh6a5aeitPFwpMuyfc3M6fY73zZv8mbNY6Br8wQc2jHqQRzQl

The Reporters
14 hours ago
·
ENVIRONMENT: ชาวเชียงรายนับพัน เดินขบวนกลางสะพานข้ามแม่น้ำกก ร้องรัฐบาลไทย เมียนมา จีน และว้า หยุดสร้างเหมืองแร่ เร่งฟื้นฟูระบบนิเวศจากปัญหาสารพิษ ด้านรองปลัด มท.เผยไทยส่งหนังสือนัดเมียนมาเจรจาแล้ว
วันนี้ (5 มิ.ย.68) ชาวเชียงราย-เชียงใหม่กว่า 1,000 คน ร่วมกิจกรรมปอยหลวงปิดเหมือง เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก ปี 2568 ณ สวนสาธารณะแม่ฟ้าหลวง เพื่อเรียกร้องให้มีการหยุดสร้างเหมืองแร่ในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาสารปนเปื้อนในแม่น้ำกก
ในเวลา 10.00 น.สมาคมขัวศิลปะ เริ่มนำขบวนด้วยงานศพปลาแข้ ที่ก่อนหน้านี้พบว่าป่วยมีตุ่มพองทั้งในแม่น้ำกกและแม่น้ำโขง ตามมาด้วยเหล่านักเรียนและชาวบ้านในจังหวัดเชียงรายที่ได้รับผลกระทบ เดินเท้าจากสวนสาธารณะแม่ฟ้าหลวงไปที่กลางสะพานข้ามแม่น้ำกก
จากนั้นตัวแทนเครือข่ายประชาชนปกป้องลุ่มน้ำกก สาย รวก โขง ได้ยืนอ่านแถลงการณ์ 5 ภาษา ประกอบด้วย ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาเมียนมา และภาษาไทใหญ่ ส่งถึงนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขอใผ้แก้ปัญหามลพิษข้ามพรมแดนแม่น้ำกก สาย รวก โขง โดยหาช่องทางปิดเหมืองทันที และฟื้นฟูนิเวศลุ่มน้ำ
ใจความระบุว่า เนื่องด้วยประชาชนที่อาศัยในลุ่มน้ำกก สาย รวก โขง ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และ จ.เชียงราย กำลังเผชิญปัญหาการปนเปื้อนโลหะหนักในแม่น้ำที่ไหลมมาจากรัฐฉาน ประเทศเมียนมา กว่า 1 ปีที่ผ่านมาประชาชนที่อยู่ริมแม่น้ำกกพบว่าแม่น้ำขุ่นข้นแม้กระทั่งในฤดูแล้ง ซึ่งผิดปกติแทนที่น้ำจะใส เช่นเดียวกับชาวบ้านริมแม่น้ำสาย ได้พบว่าในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาแม่น้ำสายมีสีขุ่นข้นมาก โดยปีที่แล้วขุ่นข้นจนน่ากลัวเพราะกลายเป็นสีขาว แม้กระทั่งนำไปผ่านกระบวนการผลิตน้ำประปาสีของน้ำก็ยังขุ่น
ภาคประชาชน จึงได้ร่วมกันเรียกร้องให้มีการตรวจสอบที่มาของความขุ่น เพราะได้รับข้อมูลข่าวสารว่าที่บริเวณต้นแม่น้ำกกและแม่น้ำสายมีการทำเหมืองแร่ จนกระทั่งกรมควบคุมมลพิษได้ทำการตรวจสอบและพบสารโลหะหนักเกินค่ามาตรฐาน เมื่อทางการได้ตรวจสอบภาพถ่ายดาวเทียมแสดงหลักฐานชี้ให้เห็นว่ามีการเปิดหน้าดิน ทำเหมืองแร่เถื่อน รวมทั้งแร่แรร์เอิร์ทอย่างน้อย 40 จุด โดยเหมืองเถื่อนบางแห่งตั้งอยู่ห่างจากพรมแดนไทยเพียง 2 กิโลเมตรเท่านั้น
กรมควบคุมมลพิษได้ดำเนินการตรวจคุณภาพน้ำ 3 ครั้ง ทุกครั้งพบว่าในแม่น้ำกกมีสารโลหะหนักเกินค่ามาตรฐาน เช่นเดียวกับแม่น้ำสายที่มีค่าสารหนูและสารตะกั่วปนเปื้อนสูงเกินกว่ามาตรฐานจนน่าตกใจ รวมทั้งแม่น้ำโขง สร้างความตระหนกและกังวลใจแก่ประชาชนที่อาศัยอยู่และใช้น้ำทั้งการอุปโภค การเกษตร การประมง การท่องเที่ยว เป็นอย่างยิ่ง
คำแนะนำของทางการให้ประชาชนงดการสัมผัสน้ำแม่น้ำโดยตรง งดบริโภคสัตว์น้ำ งดกิจกรรมทางน้ำ ทำให้ประชาชนยิ่งรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย ไม่มีทางออก คนหาปลาขาดรายได้ ชาวนาไม่มั่นใจว่าจะปลูกข้าวได้หรือไม่ ผู้คนใช้น้ำประปาด้วยความหวาดระแวง ประชาชนในพื้นที่ต่างกังวลว่า จะเกิดการสะสมของสารโลหะหนักในระยะยาวสุขภาพของตนเองและลูกหลานจะเป็นอย่างไร และฤดูฝนนี้หากน้ำหลากมาท่วมบ้านเรือน เราจะรับมือกับน้ำพิษ โคลนพิษได้อย่างไร
นอกจากนี้ในระยะ 3 เดือนที่ผ่านมา ประชาชนยังต้องเผชิญกับความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยว การค้าขาย ผลกระทบทางสังคมและผลกระทบต่อสุขภาพกายสุขภาพจิต โดยที่ยังไม่เห็นว่ารัฐบาลจะมีมาตรฐานแก้ไขปัญหาต้นตอซึ่งเป็นแหล่งที่ทำให้เกิดมลพิษข้ามพรมแดน คือเหมืองแร่เถื่อนจำนวนมากในเขตรัฐฉาน พวกเราประชาชนในพื้นที่ตระหนักดีว่า เราจะปล่อยให้ปัญหาผลกระทบดังเกิดขึ้นต่อเนื่องเช่นนี้ต่อไปไม่ได้ นี่คือปัญหาภัยความมั่นคงที่กระทบประชาชนนับล้านคน
จึงขอเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ดำเนินการในทุกวิถีทาง เพื่อยุติเหมืองแร่เหล่านี้ทันที และต้องมีมาตรการชัดเจนด้านการฟื้นฟูนิเวศแม่น้ำกก สาย รวก และโขง ระบบเศรษฐกิจและสังคมของท้องถิ่นให้กลับคืนมาดังเดิมอย่างเร่งด่วน เพราะยิ่งเวลาเนิ่นนานออกไปยิ่งทำให้ความเสียหายรุนแรงและวงกว้างขึ้น
ภายหลังการอ่านแถลงการณ์ตัวแทนเครือข่ายประชาชนปกป้องลุ่มน้ำกก สาย รวก โขง ได้ยื่นหนังสือถึงรัฐบาลไทย เมียนมา จีน และกองทัพว้า ผ่านนายขจร ศรีชวโนทัย รองปลัดกระทรวงมหาดไทย และนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ในฐานะตัวแทนรัฐบาล
นายขจร เปิดเผยว่าตนเองได้รับรายงานว่ารัฐบาลไทยส่งหนังสือไปยังประเทศเมียนมา และส่งสำเนาหนังสือดังกล่าวให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกับกระทรวงทรัพยากรของเมียนมา เพื่อนัดพบเจรจากันแล้ว โดยวันพรุ่งนี้ (6 มิ.ย.68) นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จะประชุมวิดิโอคอนเฟอเรนซ์กับจังหวัดเชียงราย จังหวัดเชียงใหม่ และกรมควบคุมมลพิษเพื่อแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจในการแก้ปัญหา เนื่องจากแม่น้ำกกเป็นแม่น้ำสายหลักของเชียงราย
ภายหลังการยื่นหนังสือเครือข่ายประชาชนปกป้องลุ่มน้ำกก สาย รวก โขง ได้โปรยดอกไม้และปล่อยป้ายผ้าบริเวณกลางสะพาน ข้อความระบุว่า “หยุดเหมืองพิษ คืนชีวิตให้สายน้ำกก”
ด้านเสียงสะท้อนจากภาคประชาชน ครูตี๋ นิวัฒน์ ร้อยแก้ว เปิดเผยกับ The Reporters ว่ากิจกรรมที่จัดขึ้นในวันนี้เพื่อแสดงเจตนารมณ์ในการปกป้องแม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก และแม่น้ำโขงที่กำลังปนเปื้อนสารพิษ ซึ่งเป็นเรื่องอันตรายที่สุดของคนเชียงราย เราจึงออกมาแสดงพลังให้เห็นว่ารัฐบาลจะเชื่องช้าไม่ได้แล้ว ต้องมีความชัดเจนในการแก้ปัญหา
ที่ผ่านมาสัญญาณต่าง ๆ ทั้งปลาติดเชื้อ คนลงไปเล่นน้ำก็เป็นผื่น สะท้อนว่าปัญหาสารพิษในแม่น้ำเริ่มรุนแรงขึ้นถ้าเราไม่สามารถปิดเหมืองได้ ดังนั้นสิ่งแรกที่รัฐบาลจะต้องเร่งทำคือ การเจรจาหยุดเหมืองให้ได้ ฟื้นฟูและแก้ไขให้ลำน้ำกลับมาเป็นเหมือนเดิม
“วันนี้รัฐบาลคงเห็นแล้วว่าประชาชนคนเชียงรายมองว่าปัญหานี้มีความสำคัญกับชีวิต รัฐบาลต้องรู้ ถ้ารัฐบาลมีความเชื่องช้า ถ้าไม่ขับเคลื่อนอย่างรวดเร็วก็จะยิ่งมีปัญหาขึ้นเรื่อย ๆ กระทบกับชีวิตของพี่น้องประชาชนอย่างแน่นอน”
ชาวบ้านจากหมู่บ้านเวียงเหนือ ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย เล่าว่าช่วงที่ผ่านมาพบปลาหลายชนิดมีตุ่มพอง และไม่สามารถลงเล่นในแม่น้ำได้ เพราะกลัวเป็นตุ่มแผล ไม่กล้าใช้น้ำกกแล้ว ถ้าจะลงน้ำจริง ๆ ต้องเตรียมรองเท้าบูทยาวและชุดป้องกันให้ดี ทั้งนี้ปัจจุบันที่หมู่บ้านใช้แม่น้ำกกในการทำเกษตรกรรมอยู่ แม้จะมีปัญหาสารพิษในแม่น้ำก็ตาม
รายงาน: ณัฐพร สร้อยจำปา
ภาพ: ธนาภรณ์ วุฒิสนธิ์

 

อยากรบ ระวัง ประเทศ(อาจ)พังยับ


Beer Tiaiamdee
June 3
·
ไทยนี้รักสงบ แต่ถ้าอยากรบ พังยับ: เมื่อความเปราะบางทางการเมืองและเศรษฐกิจคือชนวนหายนะของชาติ

สงครามชายแดนไม่ใช่เกม แต่คือกับดักหายนะที่ทำให้ทั้งประเทศพังยับ

ในขณะที่เศรษฐกิจไทยกำลังอยู่ในภาวะอ่อนแรง การเมืองก็ไร้เสถียรภาพ ความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐเริ่มแตกร้าว กลับมีบางกระแสในสังคมพยายาม ปลุกปั่นให้เกิดความรู้สึก “ต้องรบ” กับกัมพูชา โดยเฉพาะในประเด็นชายแดนที่อ่อนไหวในหลายพื้นที่

คำถามคือ…เราพร้อมแล้วจริงหรือ? หรือนี่คือ การโยนไฟลงกองฟาง แล้วหวังว่าไฟจะเผาเฉพาะ “ฝ่ายตรงข้าม” โดยไม่เผาบ้านทั้งหลัง?



ปัญหาชายแดน: จากประเด็นภูมิศาสตร์ กลายเป็นเครื่องมือการเมือง

ประเทศไทยกับกัมพูชามีข้อพิพาทชายแดนที่สะสมมายาวนาน ทั้งในเขตพื้นที่ปราสาทพระวิหาร พื้นที่แนวสันปันน้ำ ไปจนถึงดินแดนบางส่วนที่ไม่มีเส้นแบ่งเขตแน่ชัด

แต่ในขณะที่กระบวนการแก้ปัญหาควรเดินหน้าอย่างมีวุฒิภาวะและสันติ บางกลุ่มในสังคมกลับ ใช้ประเด็นนี้เพื่อสร้างกระแสชาตินิยมสุดโต่ง เรียกร้องให้รัฐบาล “แสดงความแข็งแกร่ง” ด้วยการส่งทหารเข้าประชิดชายแดน หรือแม้แต่เสนอให้ “ประกาศสงคราม” หากจำเป็น

กระแสเหล่านี้ไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของเหตุผล หากแต่ใช้ อารมณ์ ความกลัว และความเกลียดชัง เป็นเชื้อไฟ และนั่นคือสิ่งที่อันตรายที่สุด



“ขบวนการปั่นสงคราม”: สร้างข่าวปลอมเพื่อแตกแยก

สิ่งที่น่ากังวลกว่าการเสนอความเห็นที่รุนแรง ก็คือการเห็น “ข่าวปลอม” และ “คลิปบิดเบือน” ถูกปล่อยในโซเชียลมีเดียอย่างต่อเนื่อง เช่น:
• คลิปทหารกัมพูชาเคลื่อนกำลัง (ที่จริงเป็นคลิปเก่าหรือซ้อมรบ)
• ข่าวปลอมว่า “อีกฝ่ายบุกรุกเขตแดน” (ทั้งที่ยังไม่มีหลักฐานหรือการยืนยัน)
• คำพูดปลุกใจให้ “ยอมตายเพื่อชาติ” (โดยคนที่อยู่ในที่ปลอดภัย)

ทั้งหมดนี้ไม่ได้ช่วยให้ประเทศไทยเข้มแข็งขึ้น แต่นำไปสู่ ความแตกแยกในสังคม และสร้าง แรงกดดันให้รัฐต้องแสดงท่าทีรุนแรง ทั้งที่ไม่ใช่ทางเลือกที่มีอนาคต



ถ้าเกิด “สงครามจริง”: เสียหายระดับชาติ ไม่มีผู้ชนะ

อย่าคิดว่า “รบแล้วชนะ” จะทำให้ทุกอย่างจบ

เพราะในโลกยุคนี้ สงครามไม่ได้จบแค่ในสนามรบ แต่มันพังทั้งระบบ
• ชีวิตคนไทยจำนวนมากต้องสูญเสีย — ทั้งทหารและพลเรือน
• การลงทุนหายหมด นักลงทุนหนี เศรษฐกิจหยุดชะงัก
• การค้าชายแดนและส่งออก-นำเข้าถูกตัดขาด
• ค่าเงินบาทร่วงหนัก ราคาสินค้าพุ่ง
• ภาพลักษณ์ประเทศไทยถูกสั่นคลอนอย่างรุนแรง
• ความสัมพันธ์กับอาเซียนและประชาคมโลกพังพินาศ
• ประชาชนแตกแยกเป็นสองฝ่าย ความปรองดองไม่มีเหลือ

สงครามจึงไม่ใช่ทางออก แต่เป็นกับดักที่ลากทั้งประเทศให้ร่วงลงเหวพร้อมกัน



รัฐประหาร-รัฐล้มเหลว: บทต่อไปที่ตามมาเสมอ

ทุกครั้งที่เกิดความขัดแย้งใหญ่ในสังคมไทย ไม่ว่าจะจากภายในหรือภายนอก ระบบการเมืองมักเดินไปสู่ “ทางลัด” ที่ชื่อว่า รัฐประหาร

แต่ในโลกยุค 2025 การรัฐประหารไม่ได้รีเซ็ตอะไรอีกแล้ว มันแค่ พาประเทศถอยหลังแบบไม่มีอนาคต
• ต่างชาติคว่ำบาตร
• สิทธิพลเมืองถูกระงับ
• เศรษฐกิจทรุดหนัก
• การท่องเที่ยวดับสนิท
• ความเชื่อมั่นจากประชาคมโลกลดเหลือศูนย์

เมื่อเกิดทั้งสงคราม+รัฐประหารพร้อมกัน สิ่งที่เหลือคือ “รัฐล้มเหลว” ซึ่งหมายถึงรัฐบาลไม่สามารถจัดการประเทศได้อีกต่อไป และผู้คนต้องหาทางเอาตัวรอดเอง



บทสรุป: สันติไม่ใช่ความอ่อนแอ และรักชาติไม่ใช่การรบ

ในภาวะที่ประเทศเปราะบางที่สุด การเรียกร้องให้ “รบ” ไม่ใช่ทางแก้ แต่คือเชื้อเพลิงที่พร้อมเผาทุกอย่างให้ราบคาบ

ความรักชาติที่แท้จริง คือการใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์
คือการรักษาชีวิตผู้คนมากกว่าพื้นที่ไม่กี่ไร่
คือการวางหมากระยะยาว มากกว่าชนะระยะสั้นแล้วแพ้ทั้งกระดาน

สงครามไม่ใช่จุดเริ่มต้นของอธิปไตย แต่มันคือจุดจบของสันติภาพ และความหวังของประชาชน

อย่าให้ไฟเล็กๆ ที่ใครบางคนจุด… กลายเป็นไฟใหญ่ที่เผาเราทั้งประเทศ
 
https://www.facebook.com/photo?fbid=10212928760650268&set=a.1216633912492



หากคุณตามเกมส์สงครามคลั่งชาติไม่ทัน ดูคลิป Costs of War ข้างล่าง


8 Costs of War You Don’t Know

Learn Liberty

Jun 29, 2024 

We often hear about the death tolls of troops, but war has tragic costs we don’t often see. This video dives into 8 of those hidden costs of war. 

They include shocking governmental infringements on civil liberties, disastrous economic and environmental impacts, and long-term emotional and psychological damage. 

Video brought to you by Students For Liberty’s Local Coordinator Program: https://join.studentsforliberty.org/ 

Mentioned in this video: Snowden: Surveillance Is About Power: • Snowden: Surveillance Is about Power 

Also: 12 SHOCKING Ways WORLD WAR I Still Shapes Our World Today: • 12 SHOCKING Ways WORLD WAR I Still Shapes ... 

CHAPTERS: 
0:00 Hidden Costs of War 
0:19 Infrastructure 
2:32 “Creative Budgets” 
4:13 Civil Liberties
6:07 Psychological and Cultural 
8:10 Long-term Economic Consequences 
9:48 Bigger Government 
11:28 The Earth and Sea 
12:24 The Air

https://www.youtube.com/watch?v=FnLKIuUdBtg
.....













แคมเปญ #NoWarNoCoup #สันติสู่ชายแดน โผล่ - ทำไมทหารไม่ควรยุ่งการเมือง ชวนฟังผู้เขียน Why Nations Fail

https://www.youtube.com/shorts/NPs5lhFLSpU





คำถามที่ดี

Akkharaphong Khamkhun
18 hours ago
·
เรียน กัลยาณมิตรนักวิชาการที่เคารพทุกท่าน,
ประเด็นเรื่องเส้นเขตแดนเป็นประเด็นละเอียดอ่อน โปรดพิจารณาให้ถี่ถ้วนและแสดงความคิดเห็นอย่างระมัดระวัง เนื่องจากเมื่อพิจารณาให้ดีแล้ว สถานการณ์ในตอนนี้ คำถาม คือ
1. ข้อมูลที่ปรากฏในหน้าสื่อมวลชนและสังคมออนไลน์ ยังไม่มีการสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ตัวอย่างเช่น กรณีการเผาศาลารวมใจ หรือที่เรียกกันว่าศาลาตรีมุขที่บริเวณจุดบรรจบกันของสามประเทศว่า แท้จริงแล้วเกิดจากสาเหตุใดกันแน่ ควรต้องตั้งคำถามอย่างเอาจริงเอาจังกับผู้รับผิดชอบและผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่ว่า เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เพราะสิ่งที่ผมได้รับทราบมาจากคนในพื้นที่ สาเหตุของการเผา เกิดจากการทะเลาะวิวาทกัน ไม่ได้เกี่ยวกับประเด็นข้อพิพาทเขตแดนหรือประเด็นชาตินิยมโดยตรงแต่อย่างใด
2. การปะทะกันระหว่างหน่วยทหารในเช้ามืดของวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมานั้น จนทำให้เกิดการสูญเสียชีวิตขึ้น เหตุใดจึงไม่มีการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ทำไมมีแต่การอ้างรายงานข่าวเท่านั้น เพราะเป็นเหตุการณ์ที่ผิดปรกติวิสัยในการลาดตระเวนร่วมของทหารทั้งสองฝ่ายที่เคยปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันด้วยดีเสมอมา ข้อนี้น่าสงสัยยิ่ง เพราะโดยสามัญสำนึกแล้ว เหตุปะทะกันไม่ควรเกิดขึ้นในเวลาดังกล่าว เรื่องนี้ยังไม่มีรายละเอียดแม้แต่ตำแหน่งที่แท้จริงของจุดเกิดเหตุ บ้างกล่าวว่าเกิดขึ้นที่ช่องบก บ้างกล่าวว่าเกิดขึ้นที่เนิน 500 และบ้างกล่าวว่าเกิดที่เนิน 745 ซึ่งสถานที่ทั้งหมด ไม่ใช่จุดเดียวกัน เพราะต่างตั้งอยู่ห่างกันพอสมควร แม้แต่การรายงานรูปภาพว่าฝ่ายกัมพูชามีการขุดสนามเพลาะ (trench raid) ผมก็ยังไม่เห็นภาพถ่ายทางอากาศว่าอยู่จุดไหนกันแน่ มีแต่รูปให้ดู แต่ก็ไม่มีการระบุที่ตั้งจริงๆ ของแนวคูที่ว่ากันว่ายาวกว่า 650 เมตร
3. การอ้างว่ากัมพูชาจะทวงดินแดนคืน คำว่า "ทวงคืน" แสดงว่า ฝ่ายกัมพูชา "คิดและรับรู้ (ฝ่ายเดียว)" ว่า ดินแดนของตนอยู่ที่ไหน กรณีปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ปราสาทโดนตวล นั้น ต้องพิจารณาให้ดีว่า เขาใช้หลักฐานอะไรในการ "อ้าง" เพราะยังไม่มีใครเคยถามกรมแผนที่ทหาร หรือ กรมสนธิสัญญา จริงๆ จังๆ ว่า เป็นอย่างที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างจริงหรือไม่ ที่สำคัญ เราทั้งหลายเคยเห็นหลักฐานทางราชการเหล่านั้นด้วยตาของเราเองจริงๆ หรือไม่ เพราะ กรณีปราสาทพระวิหาร ที่ฝ่ายไทยพ่ายแพ้ในเวทีระหว่างประเทศ ก็เพราะ เราไม่ศึกษาหลักฐานให้รอบด้าน และเราเชื่อมั่นในความคิดของเรามากเกินไปจนไม่สามารถ "ตั้งรับ" ได้
จึงเรียนมาด้วยความเคารพอย่างสูง

https://www.facebook.com/akkharaphong/posts/10231169550602296


ทำไมฮุน เซนถึงอยากรบ ? เพื่อกลบเรื่องทุจริตที่สะสมมานาน ??


Beer Tiaiamdee
14 hours ago
·
ทำไมฮุน เซนถึงอยากรบ?
หรือแค่กลบเรื่องทุจริตที่สะสมมานาน
ในขณะที่สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวจากอดีตนายกรัฐมนตรี ฮุน เซน คำถามที่สังคมโลกเริ่มตั้งข้อสังเกตก็คือ—นี่คือความขัดแย้งเพื่ออธิปไตยจริงๆ หรือเป็นเพียง “กลยุทธ์เบี่ยงเบน” เพื่อกลบปัญหาภายในที่หนักหนาเกินกว่าจะควบคุม?
เรื่องทุจริตที่ไม่ใช่แค่ข่าวลือ
การกล่าวหาการทุจริตในครอบครัวฮุน เซน ไม่ใช่เรื่องใหม่ และไม่ใช่ข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูล หากแต่มีข้อมูลสนับสนุนจากองค์กรอิสระระหว่างประเทศจำนวนมาก หนึ่งในรายงานที่มีอิทธิพลมากที่สุดคือ…
● รายงาน Hostile Takeover จาก Global Witness (2016)
รายงานนี้เปิดเผยว่า ครอบครัวของฮุน เซนมีผลประโยชน์ทางธุรกิจกว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ผ่านบริษัทมากกว่า 114 แห่งที่จดทะเบียนในกัมพูชา โดยครอบคลุมภาคเศรษฐกิจสำคัญ ทั้งเหมืองแร่ โทรคมนาคม พลังงาน และอสังหาริมทรัพย์ โดยมีการเชื่อมโยงกับการ ยึดครองที่ดินและการทำลายสิ่งแวดล้อม อย่างเป็นระบบ
ที่สำคัญ รายงานนี้ชี้ว่า โครงสร้างความมั่งคั่งของครอบครัวฮุน เซนไม่ได้โปร่งใส และมีการใช้ “บริษัทนอมินี” เพื่อซ่อนอำนาจที่แท้จริง
● ความล้มเหลวของระบบยุติธรรม
รายงานสิทธิมนุษยชนของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ปี 2022 ระบุชัดว่า กัมพูชามี วัฒนธรรมการไม่ต้องรับผิด (Impunity) โดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงและเครือญาติของผู้นำมักไม่ถูกดำเนินคดี แม้จะมีกฎหมายต่อต้านการทุจริตอยู่ก็ตาม
● อาณาจักรธุรกิจที่เชื่อมโยงกับอำนาจ
การควบคุมเศรษฐกิจของประเทศผ่านธุรกิจในมือครอบครัว ถือเป็น “ระบบพวกพ้อง” ที่ช่วยให้ ฮุน เซนสามารถครองอำนาจต่อเนื่องนานกว่า 3 ทศวรรษ และลดบทบาทของชนชั้นกลางที่อาจกลายเป็นกลุ่มต้านในอนาคต

จาก “ข้อพิพาทพรมแดน” สู่ “เครื่องมือทางการเมือง”
ท่ามกลางแรงกดดันทั้งภายในและภายนอก รัฐบาลกัมพูชาภายใต้การนำของฮุน เซน (และในปัจจุบันโดยลูกชายของเขา ฮุน มาเนต) มักใช้ประเด็นความมั่นคงและชายแดนเป็น ยุทธศาสตร์ทางการเมือง ที่ผ่านการพิสูจน์แล้วว่าได้ผล
● กรณีปราสาทพระวิหาร: บทเรียนแห่งการปลุกกระแส
ช่วงปี 2008–2011 รัฐบาลฮุน เซนใช้ข้อพิพาทกับไทยเรื่องเขาพระวิหารอย่างเข้มข้น ไม่เพียงแต่ระดมกำลังทหาร แต่ยัง ปลุกกระแสชาตินิยมภายในประเทศ ก่อนเข้าสู่การเลือกตั้งในปี 2013
● การอ้างสิทธิ์ในดินแดน: ยิ่งขัดแย้ง ยิ่งรวมศูนย์อำนาจ
การอ้างสิทธิ์ในดินแดนที่มีข้อพิพาทกับเพื่อนบ้าน เป็น “เครื่องมือชุบชีวิต” ทางการเมืองที่รัฐบาลใช้เพื่อเสริมสร้างภาพผู้นำผู้ปกป้องชาติ และเบี่ยงความสนใจของประชาชนจากปัญหาเรื่องปากท้องและความเหลื่อมล้ำ
● บทบาทของกองทัพ: เสาหลักแห่งอำนาจเดิม
กองทัพกัมพูชาไม่ได้เป็นเพียงองค์กรความมั่นคง แต่ยังเป็น เครือข่ายสนับสนุนทางการเมืองของพรรค CPP ด้วย การปลุกกระแสชายแดนช่วยตอกย้ำบทบาทของกองทัพในฐานะ “ผู้ปกป้องชาติ” และค้ำจุนระบอบฮุน เซนให้อยู่ยาว

สรุป: เสียงปืนกลบเสียงประชาชน
การปลุกกระแสสงครามและชาตินิยม อาจดูเป็นการปกป้องประเทศ แต่ในทางการเมืองแล้ว มันอาจคือวิธีป้องกัน คำถามที่ผู้นำไม่อยากตอบ
คำถามว่า…
– ทรัพย์สินที่มากมายของครอบครัวผู้นำมาจากไหน?
– ทำไมการตรวจสอบและดำเนินคดีถึงเกิดขึ้นไม่ได้?
– และทำไมประชาชนจำนวนมากถึงยังยากจน แม้ GDP จะโตขึ้นทุกปี?
จนกว่าคำถามเหล่านี้จะได้รับคำตอบ “การรบ” อาจไม่ใช่สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่คือ สิ่งที่ผู้นำบางคน เลือกทำ เพื่อ ไม่ต้องตอบคำถามเหล่านั้นเลยต่างหาก

https://www.facebook.com/photo?fbid=10212933468167953&set=a.1216633912492


ถึงสื่อด้วยกัน ("ไม่รู้จะถึงสื่อแบบเธอหรือเปล่า ?)


ประชาไท Prachatai.com
13 hours ago
·
ถึงสื่อด้วยกัน ไม่รายงานข่าวแบบผู้รักชาติ
ส่วนสุดท้าย นักวิชาการด้านความมั่นคง ได้ให้ข้อคิดกับการรายงานข่าวข้อพิพาทดินแดนไทย-กัมพูชา โดยหวังว่า สื่อจะทำงานศึกษาอย่างรอบด้านก่อนรายงานสถานการณ์สู่สาธารณชน อย่าเชื่อแหล่งข่าวทหารทั้งฝ่ายไทย-กัมพูชา 100% เพราะว่าพวกเขามีแนวโน้มที่จะโกหกเพื่อสร้างความชอบธรรมในการลั่นไก และอย่ารายงานข่าวอย่างผู้รักชาติ
.
“ถ้าคุณรักชาติมาก คุณมีปัญหาแน่ๆ เลยในวิชาชีพของคุณ เพราะงั้นเราไม่อาจจะรายงานเรื่องความขัดแย้งกับเพื่อนบ้านอย่างผู้รักชาติได้ มันต้องรายงานอย่างมืออาชีพ ฝ่ายไทยรายงานอย่างนี้ ฝ่ายกัมพูชาว่าอย่างไร มันต้องรีบรายงาน ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโกหก เพราะมีคนพูดไม่ตรงกัน เราต้องหาบุคคลที่ 3 มาช่วยอธิบาย เพื่อให้คนอ่านไม่ตัดสินบนอคติ” สุภลักษณ์ ทิ้งท้าย
.
อ่านรายละเอียด ที่
https://prachatai.com/journal/2025/06/113148

#ประชาไท #ต่างประเทศ #ความมั่นคง

https://www.facebook.com/photo?fbid=1137692655071707&set=a.643704854470492
.....

Atukkit Sawangsuk
10 hours ago
·
คนนี้ล้ำเส้นความเป็นสื่อแน่ๆ
นักข่าวทหารไม่ใช่โฆษกวิทยุยานเกราะ
นักข่าวทหารควรทำหน้าที่ค้นหาความจริง
เช่นไปถามกรมแผนที่ทหารดูสิว่า ยืนยันได้ไหมตรงไหนเป็นของไทยของกัมพูชา
ถ้าเส้นเขตแดนมันคลุมเครือ ทับซ้อนกัน แล้วอะไรเรียกว่ารักษาแผ่นดิน





ปุ๊ ธนาพล อิ๋วสกุล ตั้งข้อสงสัย(ดังๆ) ทำไมนโยบายต่างประเทศของรัฐบาล ภายใต้รัฐบาลเพื่อไทย ของตระกูลชินวัตร จึงตกเป็นเบี้ยล่างกัมพูชาภายใต้ตระกูลฮุน


Thanapol Eawsakul
16 hours ago
·
ทำไมนโยบายต่างประเทศของรัฐบาล ภายใต้รัฐบาลเพื่อไทย ของตระกูลชินวัตร จึงตกเป็นเบี้ยล่างกัมพูชาภายใต้ตระกูลฮุน

....

มาถึงปัจจุบันนี้คงไม่มีใครปฏิเสธ ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลชินวัตรกับตระกูลฮุน ว่ามีความใกล้ชิดผูกพันกันขนาดไหน

แต่สิ่งที่หลายคนไม่ทราบก็คือว่าความใกล้ชิดผูกพันนั้นส่งผลต่อการกำหนดนโยบายต่างประเทศ ระหว่าง 2 ประเทศนี้อย่างไร

ทำได้แต่เพียงตั้งข้อสงสัยเท่านั้น

กล่าวสำหรับฝ่ายกัมพูชาภายใต้การชี้นำของฮุนเซน นั้นดูเหมือนจะเป็นฝ่ายเปิดเกมรุกไล่รัฐบาลไทย ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนจะอ่อนแอ ไม่เป็นเอกภาพ และไม่ใส่ใจปัญหาชายแดน

ดูได้จากจากแถลงการณ์ในนามรัฐบาลจะออกมาก็ใช้เวลาถึง 7 วัน นับจากวันที่ 28 พฤษภาคม ที่มีผู้เสียชีวิตในการปะทะกัน ไปแล้ว

ผมคิดว่าบทสัมภาษณ์ของคุณสุภลักษณ์ กาญจนคุณดีเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 ได้ฉายภาพให้เห็น ในมิติประวัติศาสตร์ ความสัมพันธ์ของ ทักษิณและฮุนเซน ที่มีการให้ความช่วยเหลือเกื้อกูล ต่างตอบแทนซึ่งกันและกัน

ฮุน เซน เยี่ยมทักษิณ จากความสัมพันธ์อันแนบแน่น สู่การเมืองระหว่างประเทศ?
https://www.youtube.com/watch?v=c3YT_3w_s0k...

ซึ่งในที่นี้ ดูเหมือนว่าฮุนเซนจะถือไพ่เหนือกว่า ทักษิณ
รวมทั้งอาจจะเป็นคนกุมความลับไว้เป็นอย่างมากด้วย

เริ่มต้น สุภลักษณ์ฉายภาพให้เห็นความพยายามทำรัฐประหารในกัมพูชาในเดือนกรกฎาคม 2537 ที่มีคนของบริษัท IBC ซึ่งตอนนั้นเป็นธุรกิจของทักษิณ ชินวัตร เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ถึงแม้ที่สุดดูเหมือนจะเคลียร์กันได้ มีการเนรเทศคนไทย 15 คนทันที ภายหลังจากศาลตัดสินว่ามีความผิด
แม้ว่าต่อมามีการสืบสวนสรุปว่า ทักษิณ ชินวัตรไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับรัฐประหารครั้งนั้น

แต่ถึงที่สุดนั่นคือหนึ่งในบุญคุณของฮุนเซนที่มีต่อทักษิณ

กรณีต่อมาเมื่อมีความขัดแย้ง ถึงขั้นเผาสถานทูตในกัมพูชา ในปี 2546 เมื่อทักษิณ ในฐานะนายกรัฐมนตรี ใช้ท่าทีที่แข็งกร้าว จนสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องมารีบเคลียร์ปัญหา โดยทันที นี่อาจจะเป็น การปิดบัญชีบุญคุณซึ่งกันและกัน ไปได้ระดับหนึ่ง

หลังรัฐประหาร 2549 ที่ถีบทักษิณหล่นจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรีแม้ว่าจะมีรัฐบาลสมัครมาคั่น แต่เมื่อรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่จัดตั้งขึ้นมาในค่ายหารและรุกไล่ทักษิณมากขึ้น หลังจากนั้น ต้นทุนทางบัญชีระหว่างครอบครัวชินวัตรกับครอบครัวฮุนเซ็นนั้นดูเหมือน ครอบครัวชินวัตรจะตกเป็นรองตลอด

.........................

3. กัมพูชาไม่ส่งตัวทักษิณกลับมาดำเนินคดีในไทย
.
ปี 2552 ยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ไทยได้ยื่นหนังสือขอตัวส่งผู้ร้ายข้ามแดนให้กับเจ้าหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา แต่ทางการกัมพูชาทำหนังสือยืนยันการไม่ส่งตัวทักษิณกลับไทย ด้วยเหตุผลเรื่องกระบวนการยุติธรรมของไทย
.
มีการออกแถลงการณ์จากรัฐบาลกัมพูชา ตอนหนึ่งระบุว่า “ในกรณีของทักษิณ กัมพูชาเห็นว่ามีเหตุทางการเมืองอย่างชัดเจนในการโค่นทักษิณลงจากตำแหน่งด้วยการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ในขณะที่อยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ที่องค์การสหประชาชาติ คดีความมากมายที่ตามมาหลังจากนั้น รวมทั้งการตัดสินลงโทษต่อตัวท่านทั้งสิ้น ล้วนเป็นเรื่องการเมืองทั้งสิ้น”
.
4. เปิดทางเสื้อแดงจัดเวทีพบทักษิณที่กัมพูชา
.
หลังการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 พรรคเพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาล ส่ง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้เป็นน้องสาว ขึ้นนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำหญิงคนแรกของไทย
.
วันที่ 14 เมษายน 2555 กลุ่มคนเสื้อแดง หรือแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จัดเวทีปราศรัยฉลองสงกรานต์ที่จังหวัดเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา ภายใต้การอนุญาตของ ฮุน เซน
.
โดยแกนนำของพรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. รวมถึง ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมขึ้นปราศรัยบนเวทีและร้องเพลงที่ชื่อ Let It Be ของวง The Beatles ซึ่งเพลง Let It Be ในเวอร์ชันที่ทักษิณร้องมีการแปลงเนื้อเพลงบางส่วนเป็นภาษาไทย โดยท่อนฮุกนั้นเปลี่ยนจากคำว่า ‘Let It Be’ เป็นคำว่า ‘ช่างแม่มัน’ ซึ่งกลายเป็นไวรัลในยุคต่อมา
.
ทักษิณระบุว่า เพลงนี้เหมือนเพลงของคนเก็บกด ต้องอยู่ต่างประเทศนาน ถ้าไม่รู้จักช่างแม่มันก็เครียดตาย ซึ่งขณะนั้นเขาหลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศมาแล้ว 4 ปี
.
5. ทักษิณ ‘พี่ทูนหัว’ ของ ฮุน เซน
.
วันที่ 5 สิงหาคม 2566 ก่อนหน้าการเดินทางกลับไทยไม่กี่วัน ทักษิณและยิ่งลักษณ์เดินทางไปร่วมงานคล้ายวันเกิดครบ 71 ปีของ ฮุน เซน ที่เมืองตาเขมา จังหวัดกันดาล ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ ฮุน เซน
.
ฮุน เซน ระบุว่า ทักษิณและยิ่งลักษณ์ได้พักที่บ้านของเขาหนึ่งคืน พอเช้าวันถัดมาพวกเขาก็ได้รับประทานอาหารเช้าร่วมกัน จากนั้นก็เดินทางออกจากกัมพูชา

พร้อมทั้งระบุด้วยว่า ทักษิณคือพี่ทูนหัว (Godbrother) ซึ่งมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นมานานตั้งแต่ปี 2535 ก่อนทักษิณจะขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีของไทย

หลังรัฐประหาร ความสัมพันธ์ระหว่างทักษิณกับฮุนเซน ก็มากยิ่งขึ้น

ย้อน 5 ข้อตอกย้ำความสัมพันธ์เพื่อนชั่วนิรันดร์ ‘ทักษิณ-ฮุน เซน’
https://www.facebook.com/.../key.../733915802201099/...

ทั้งหมดนี้ก็เป็นบุญคุณที่ยังไม่อาจทดแทนได้ของทักษิณ มาจนถึงปัจจุบันนี้

นี่ยังไม่รวมถึงการเจรจาต้าอวยระหว่างตัวฮุนเซนกับทักษิณว่าจะมีอะไรยังไงบ้างซึ่งเหล่านี้อาจจะเป็นความลับ ที่รอการเปิดเผย

ด้วยเหตุนี้ก็ได้ ทำให้รัฐบาลเพื่อไทยภายใต้การชี้นำของทักษิณ ชินวัตร ทำให้คนจำนวนไม่น้อยสงสัยว่า ไม่สามารถกำหนดนโยบายต่างประเทศ ได้อย่างเป็นตัวของตัวเอง

ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจถึงความระแวงของคนไทยจำนวนไม่น้อยต่อการดำเนินนโยบายต่างประเทศ ของรัฐบาลอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร ภายใต้การชี้นำของทักษิณ
ทั้งๆที่พวกเขาไม่ได้เป็นคนล้าหลังคลั่งชาติ

คนเหล่านี้แต่สงสัยว่าการดำเนินนโยบายของครอบครัวนี้มีวาระซ่อนเร้นอะไรบ้างหรือไม่
ขึงเป็นคำถามดัง ๆ ว่า

ทำไมนโยบายต่างประเทศของรัฐบาล ภายใต้รัฐบาลเพื่อไทย ของตระกูลชินวัตร จึงตกเป็นเบี้ยล่างกัมพูชาภายใต้ตระกูลฮุน

https://www.facebook.com/photo?fbid=24003958982577615&set=a.188049254595255



"อาณาเขตไทยด้านเขมร ผมมีหลักฐานทางกฎหมายนะ " ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี โพสต์ย้ำ และขอให้ "(รัฐบาล) ต้องเล่นบทผู้ใหญ่ที่มีความหนักแน่น ประชาชนก็ต้องแสดงความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว นักการเมืองก็ต้องหยุดทะเลาะเบาะแว้ง ส่วนทหารก็ต้องพร้อมรบ"



ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี
7 hours ago
·
อาณาเขตไทยด้านเขมร ผมมีหลักฐานทางกฎหมายนะ

ไทยกับเขมรมีอาณาเขตทางบกติดต่อกันประมาณ 800 กม. ตามแนวเทือกเขาพนมดงรักนับจากสระแก้ว ปราจีนบุรี สุรินทร์ ศรีสะเกษมาจบที่อุบลราชธานี ส่วนทางทะเลอีกเกือบ 200 กม. โดยนับจากเกาะกูด ตราดและจันทบุรี ภายหลังเขมรได้รับเอกราชจากฝรั่งเศสเมื่อปี2496 ก็ได้เริ่มมีการเจรจาปักปันพรมแดนถาวรกับไทยภายใต้ MOU 43 ทางทะเลและ 44 ทางบก ที่ผ่านมาก็ทำมาเรื่อยๆไม่มีการเร่งรีบอะไร ในวันที่ 14 มิย.ที่จะถึงนี้ก็จะมีการประชุมกันอีก แต่ดูเหมือนฝ่ายเขมรจะพยายามจำกัดหัวข้อเจรจาลง
ผมเป็นข้าราชการคนหนึ่งที่รู้เรื่องเขตแดนแถบนี้ดี เพราะเมื่อเป็นอธิบดีกรมประมงก็ดูเรื่องเกาะกูดและพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล และเมื่อมาอยู่กรมป่าไม้ก็มาดูแลบนบก ซึ่งล้วนเป็นเขตป่าทั้งสิ้น กรมป่าไม้ได้ใช้กฎหมายที่เรียกว่า“ พระราชกฤษฎีกา(พรก)” ประกาศพื้นที่อนุรักษ์ 7 แห่งคือ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า(ขสป) พนมดงรักษ์(2521) อุทยานแห่งชาติ(อช)ภูจองนายอง ปี 2530 ขสป. ห้วยศาลา (2533) ขสป. ยอดโดม(2535) ขสป. ห้วยทับทัน(2538) อช. ตาพระยา(2539) และอช. เขาพระวิหาร (2541ในสมัยผม ) พระราชกฤษฎีกาเหล่านี้เป็นกฎหมายที่มีแผนที่และพิกัดแนบท้ายทุกแห่ง มีหมุดถาวรแสดงอาณาเขตที่ชัดเจน โดยทุกหมุดอยู่บนแนวเส้นพรมแดนทั้งสิ้น และในขณะที่ปักหมุดเหล่านี้ก็ไม่เห็นฝ่ายเขมรเคยทักท้วงอะไร จึงถือว่า เป็นกฎหมายปิดปากไปแล้ว ผมจึงขอถามฝ่ายเขมรว่า ที่พวกท่านอ้างโน่นอ้างนี่นั้นท่านมีหลักฐานทางกฎหมายหรือแผนที่อะไรรองรับ พวกท่านเคยทราบไหมว่าประเทศไทยได้ประกาศ พรบ. คุ้มครองและสงวนป่าตามแนวชายแดนไทยเขมรมาตั้งแต่ปี 2481 คือก่อนประเทศเขมรจุติมาด้วยซ้ำ กล่าวคือ แม้แต่ผู้นำของพวกท่านก็ยังไม่เกิดเลย หลังจากที่กรมป่าไม้ได้ประกาศอุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าไปแล้ว เจ้าหน้าที่ได้ขึ้นไปปลูกป่ามาตลอดเวลานับสิบปี เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า ได้ลาดตระเวนตลอดแนวชายแดน 800 กม. และได้ปะทะกับผู้ลักลอบตัดไม้กฤษณาหลายครั้ง บาดเจ็บล้มตายกันไปทั้งสองฝ่ายจำนวนมาก ผมก็ไม่เห็นฝ่ายเจ้าหน้าที่เขมรได้เข้ามาเกี่ยวข้องอะไรเลย เรื่องนี้จึงเป็นการย้ำอธิปไตยของประเทศไทยเหนือพื้นที่เหล่านี้
สำหรับบรรดาปราสาทต่างๆ เช่น ปราสาทตาเมือนธม รวมถึงปราสาทตาควาย กรมศิลปากรก็ได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานมาตั้งแต่ปี 2478 ซึ่งประเทศเขมรยังไม่เกิดเลย รัฐบาลไทยได้ซ่อมแซมจนเรียบร้อยเกือบเหมือนเดิม และเจ้านายของไทยก็เคยเสด็จไปตรวจและศึกษามาเนิ่นนานแล้ว แล้วผู้นำของท่านเคยไปเหลียวแลไหม
ในฐานะที่ผ่านโรงเรียนทหารมาแล้ว 3 โรงเรียน ก็ขอเดาว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นไปตามยุทธศาสตร์“ ปลุกปั่นเพื่อสร้างความเข้มแข็งทางการเมืองภายใน” โดยใช้“ ยุทธวิธีมือบอน” เช่น การขุดสนามเพลาะเล็กๆ ขุดคูเลตให้สันปันน้ำ มันเปลี่ยนไป หรือการลาดตระเวนแบบสุ่มสี่สุ่มห้าจนเกิดการปะทะกัน และยังใช้ยุทธวิธีฟ้องร้องแบบเด็กเรื่อยเปื่อย ทำนองเป็นประเทศเล็กแล้วถูกรังแก ส่วนที่มาชวนขึ้นศาลนั้น ก็คงไม่มีใครเอาด้วย เพราะประเทศไทยไม่มีอะไรจะให้ตัดสิน
ผมคิดว่า เราต้องเล่นบทผู้ใหญ่ที่มีความหนักแน่น ประชาชนก็ต้องแสดงความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว นักการเมืองก็ต้องหยุดทะเลาะเบาะแว้ง ส่วนทหารก็ต้องพร้อมรบ แสดงพละกำลังและแสนยานุภาพให้ประจักษ์ ถ้าเหมาะสมก็ซ้อมรบไปเลย และหากจะใช้กระสุนจริงบ้างก็อย่าไปเสียดายงบประมาณ
สุดท้าย ผมกำลังคุยกับเพื่อนป่าไม้ว่าจะไปเยี่ยมศาลาตรีมุขอีกสักครั้ง เพราะเมื่อก่อนก็เคยไปกันมาแล้ว จุดนี้คือพรมแดนของสามประเทศคือไทย ลาว และเขมร มาจบกัน เป็นศาลาแห่งมิตรภาพ แต่เห็นว่า มีไฟป่าแถวๆนั้นไหม้ลามมาศาลาก็เลยวอดไป

https://www.facebook.com/photo?fbid=1234570984792643&set=a.470681734514909


ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลก มีบทบาทอะไร - ใครสนใจ คำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ: คดีปราสาทพระวิหาร มีลิงค์อยู่ข้างล่าง


LIRT : คลังสารสนเทศของสถาบันนิติบัญญัติ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
13 hours ago
·

สวัสดีตอนเที่ยงยีบเก้านาที วันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน 2568 ค่ะ

​ ​ ​ ​ ​ ​ เที่ยงนี้แอดมินขอนำความรู้เรื่อง "ศาลโลก" มาฝากค่ะ

ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลก (International Court of Justice)

​ ​ ​ ​ ​ จัดตั้งขึ้นโดย กฎบัตรสหประชาชาติ ปัจจุบันเป็นองค์กรหลัก 1 ใน 6 องค์กรหลักของสหประชาชาติ (United Nations : UN) ตั้งอยู่ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ และมีเขตอำนาจและหน้าที่ตามที่บัญญัติไว้ในธรรมนูญศาลยุติธรรม ระหว่างประเทศ ทั้งนี้เขตอำนาจของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ จำแนกออกเป็น 2 ลักษณะ ดังนี้

​ ​ ​ ​ ​ ​ 1. เขตอำนาจในการวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาททั้งปวงที่รัฐคู่พิพาทเสนอต่อศาล ในลักษณะที่เป็นกระบวน พิจารณาของการต่อสู้ความ (contentious proceeding) ทั้งนี้เฉพาะ “รัฐ” เท่านั้นที่จะเป็นคู่ความใน กระบวนพิจารณาดังกล่าวนี้ได้

​ ​ ​ ​ ​ ​ 2. เขตอำนาจในการให้คำแนะนำ (advisory opinion) ในปัญหาข้อกฎหมายตามที่องค์กรใด ๆ อาจได้รับมอบอำนาจให้ขอความเห็นแนะนำเช่นว่านั้น หรือตามกฎบัตรสหประชาชาติ เช่น สมัชชาใหญ่ สหประชาชาติ หรือคณะมนตรีความมั่นคง และองค์กรอื่น ๆ ของสหประชาชาติ ตลอดทั้งทบวงการชำนัญ พิเศษ (specialized agencies) ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ

​ ​ ​ ​ ​ ​ ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศมีอำนาจพิจารณาตัดสินคดีใด ๆ ที่เป็นข้อพิพาท ระหว่างประเทศ 2 ประเทศขึ้นไป เช่น ข้อพิพาทเรื่องดินแดนอาณาเขต การละเมิดอำนาจอธิปไตย ปัญหา สิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ หรือแม้แต่กรณีที่เกี่ยวข้องกับเอกชนที่รัฐเป็นผู้ฟ้องแทน ฯลฯ ทั้งนี้ ประเทศ ที่เกี่ยวข้องจะต้องยินยอมรับอำนาจศาลให้เป็นผู้พิจารณาตัดสินก่อนเท่านั้น ศาลจึงจะมีอำนาจพิจารณาตัดสิน คดีนั้นได้

ผลของคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ
​ ​ ​ ​ ​ ​ คำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศย่อมมีผลผูกพันคู่พิพาทในส่วนที่เกี่ยวกับคดีที่พิพาทนั้น และเป็นที่สุดโดยไม่มีการอุทธรณ์ใด ๆ อย่างไรก็ตาม แม้คู่พิพาทจะไม่สามารถอุทธรณ์คำพิพากษาของ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได้ก็ตาม แต่คู่พิพาทก็สามารถที่จะขอให้ศาลทบทวนคำพิพากษาได้เมื่อมี การค้นพบข้อเท็จจริงอันเป็นปัจจัยตัดสิน และเป็นข้อเท็จจริงซึ่งในขณะที่มีคำพิพากษานั้น ทั้งศาลและคู่พิพาท ฝ่ายที่ขอให้มีการทบทวนคำพิพากษาไม่รู้ว่ามีอยู่ ทั้งนี้ ความไม่รู้เช่นว่านั้นต้องมิได้เกิดจากความประมาท เลินเล่อ

​ ​ ​ ​ ​ ​ ที่มา : Academic Focus (ต.ค. 2558) [คำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ: คดีปราสาทพระวิหาร]

​ ​ ​ ​ ​ อ่านฉบับเต็มได้ตามลิงก์ในคอมเมนท์ค่ะ

#ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ
#ศาลโลก
#InternationalCourtofJustice
LIRT : คลังสารสนเทศของสถาบันนิติบัญญัติ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร

Academic Focus (ต.ค. 2558) [คำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ: คดีปราสาทพระวิหาร]
https://hdl.handle.net/20.500.14156/459416

https://www.facebook.com/photo/?fbid=1027291042907590&set=a.242848768018492


เช้าวันที่ 5 มิถุนายน ปี 1989 หนึ่งวันหลังจากที่รัฐบาลจีนใช้กำลังปราบปรามการชุมนุมของนักศึกษาที่จัตุรัสเทียนอันเหมินอย่างรุนแรง ชายคนหนึ่งในเสื้อเชิ้ตขาว กางเกงดำ ถือถุงใส่ของสองใบ ก้าวเท้าออกไปยืนขวางขบวนรถถังที่กำลังเคลื่อนออกจากจัตุรัส ชวนรู้จัก "The Tank Man"


Documentary Club
17 hours ago
·
เช้าวันที่ 5 มิถุนายน ปี 1989 หนึ่งวันหลังจากที่รัฐบาลจีนใช้กำลังปราบปรามการชุมนุมของนักศึกษาที่จัตุรัสเทียนอันเหมินอย่างรุนแรง ชายคนหนึ่งในเสื้อเชิ้ตขาว กางเกงดำ ถือถุงใส่ของสองใบ ก้าวเท้าออกไปยืนขวางขบวนรถถังที่กำลังเคลื่อนออกจากจัตุรัส เมื่อรถถังพยายามเลี้ยวหลบ เขาก็ขยับตัวไปขวางอีกจนรถถังต้องหยุด หลังจากนั้นเขาก็ปีนขึ้นไปบนนั้นแล้วพูดคุยกับทหารข้างใน ก่อนจะมีคนมาดึงตัวเขาออกไป
.
ชายปริศนาผู้นี้ได้รับการขนานนามว่า "Tank Man" ซึ่งจนถึงทุกวันนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใคร เคยมีข่าวลือว่าเขาชื่อ "หวังเว่ยหลิน" แต่นักข่าวผู้เชี่ยวชาญเรื่องจีนหลายคนไม่เชื่อเพราะไม่มีอะไรยืนยันได้ ไม่ปรากฏชื่อเขาในรายชื่อผู้ตายหรือถูกคุมขัง แม้แต่รัฐบาลจีนเองก็ไม่แน่ใจ เมื่อปี 1990 เจียงเจ๋อหมิน อดีตประธานาธิบดีจีนเคยตอบสื่อว่า "ผมไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน" และ "ผมไม่คิดว่าเขาโดนฆ่าตายหรอกนะ"
.
ในปี 2006 รายการ Frontline ของ PBS ทำสารคดีเรื่อง The Tank Man (มีลิงค์ให้ดูเต็มเรื่องในคอมเมนต์) โดยสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะช่างภาพหลายคนที่จับภาพเหตุการณ์นี้ในวันนั้นไว้ได้ มีการกล่าวถึง "Tank Man" ว่าเขาน่าจะเป็นคนทำงานธรรมดา ไม่ใช่นักศึกษา เพราะรูปลักษณ์เขาเหมือนคนกำลังไปทำงานหรือเพิ่งเลิกงานและไปซื้อของกลับบ้าน ทำให้เขากลายเป็นตัวแทนของคนธรรมดาทั่วไป
.
บางคนเชื่อว่าเขาอาจได้รับการช่วยเหลือจากคนตรงนั้น เหมือนกรณีที่ผู้คนในปักกิ่งช่วยกันพาคนบาดเจ็บไปโรงพยาบาล แต่บางคนก็เชื่อว่าเขาถูกจับตัวไปแล้วและอาจถูกประหารชีวิต เพราะหลังการประท้วง กระทั่งคนที่ทำเรื่องขัดเคืองใจรัฐบาลน้อยกว่านี้ก็ยังถูกประหาร
.
แม้สารคดีจะสรุปไม่ได้ว่าเขาเป็นใคร แต่หนังก็นำเสนอประเด็นสำคัญหลายด้าน ทั้งการปราบปรามอย่างโหดร้ายของกองทัพ ผลกระทบระยะยาวต่อสังคมจีนที่นำไปสู่การปฏิรูปเศรษฐกิจแบบเสรีนิยมควบคู่กับการควบคุมทางการเมืองอย่างเข้มงวด ความไม่เท่าเทียมทางสังคมที่เพิ่มขึ้น และบทบาทของบริษัทเทคโนโลยีตะวันตกที่ช่วยรัฐบาลจีนในการเซ็นเซอร์ข้อมูล
.
รัฐบาลจีนพยายามสุดขีดที่จะปิดหูปิดตาประชาชนในเรื่องนี้ หลังเหตุการณ์ สตูดิโอของกองทัพผลิตสารคดีชื่อ Flying the Flag of the Republic เพื่อสร้างภาพว่าชายปริศนาคนนี้เป็นแค่ "อันธพาลที่พยายามหยุดรถด้วยมือเปล่า" ภาพและข้อมูลเกี่ยวกับเขาถูกเซ็นเซอร์แม้แต่บนโลกออนไลน์ ทำให้ชาวจีนจำนวนมาก-โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่-ไม่รู้จักเหตุการณ์นี้เลย
.
อย่างไรก็ตาม ในโลกส่วนอื่นไม่เป็นอย่างนั้น เมื่อปี 1998 นิตยสาร Time ยกให้ Tank Man เป็นหนึ่งใน 100 บุคคลทรงอิทธิพลของศตวรรษที่ 20 และในปี 2003 นิตยสาร Life จัดให้ภาพนี้เป็นหนึ่งใน "100 ภาพที่เปลี่ยนโลก" เขากลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่ทรงพลังที่สุดของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของสามัญชน
Documentary Club

ดูสารคดีเรื่อง The Tank Man :
https://www.youtube.com/watch?v=fHMZmthg-Vk&rco=1

https://www.facebook.com/photo/?fbid=721713293846513&set=a.191417113542803


วันพฤหัสบดี, มิถุนายน 05, 2568

จริงๆ นะ เรื่องเขตแดน ฝ่ายกัมพูชารุกไม่หยุดยั้ง ขณะที่นายกฯ ไทยมีปัญหาทางบุคคลิกภาพ จึงเกิดความไม่พร้อม ไม่ได้ศึกษาหลักฐานข้อเท็จจริงให้รอบด้าน

จริงๆ นะ กรณีพิพาทเขตแดนไทย-กัมพูชา โดยตัวของมันเองยังไม่ร้อนแรง เท่าการประโคมเป่าให้ไฟลุกกระพือ ทั้งจากฝ่ายรัฐบาลกัมพูชา และสื่อมวลชนในไทย และที่หนักหนายิ่งกว่า เป็นภาวะทางบุคคลิกภาพของนายกรัฐมนตรี

ออกอาการเยาะหยันกับนักข่าว หัวเราะแค่นๆ ทำหน้ายะโส ลักษณะแบบนี้ถ้าเป็นในอเมริกาเขาไม่เรียก เฟี้ยส แต่จะว่า บิ๊ทช์ ซะมากกว่า ไม่ถึงขนาด ซัมบิ๊ทช์ อย่างทรั้มพ์ แต่ก็น่าเบื่อ น่ารำคาญพอกัน

แล้วการไปตามหานักข่าวคนนั้นเพื่อจะเอาเรื่อง นั่น “แย่” เช่นที่ Jittra Cotchadet ว่า คงจะเป็นเพราะโดนนักข่าวย้อนเอาเรื่อง “มีการรุกล้ำพื้นที่เข้ามาแล้ว ๒๐๐ เมตร...แม่ทัพภาคที่ ๒ ยืนยันมาแล้ว” ก็เลยยั๊วละกระมัง แต่แถว่าเขาเหวี่ยง กัดฟัน หึๆๆใส่

แน่ละ ในด้านสื่อ มันมีอะไรที่เป็นการโหมประโคมอยู่ไม่น้อย เช่นเรื่องที่ว่าทหารเขมรเริ่มติดตั้งทุ่นระเบิด Type 72A ผลิตโดยจีนแล้ว จนรองนายกฯ ภูมิธรรม ต้องรีบแก้ “ข่าววางกับระเบิดไม่จริง” พร้อมกับบอกว่า เน้นเจรจาท่าเดียว

ขณะที่ฝ่ายกัมพูชารุกไม่หยุดยั้ง ส่งหนังสือประท้วงเป็นทางการ “อ้างทหารไทยยิงก่อน” ทำให้ทหารเขมรเสียชีวิตไป ๑ ราย ขณะเดียวกับที่ “ดูเหมือน” รัฐบาลไทยก็ถอยไม่หยุดเหมือนกัน ดังการที่ฝ่ายทหารต้องการปิดชายแดน

“หลังพบว่ากัมพูชาเพิ่มกำลังทหารและอาวุธหนักเข้าพื้นที่ช่องบกเป็นจำนวนมาก” แต่ “ทางรัฐบาลได้ให้กองทัพอย่าพึ่งดำเนินการใดๆ เพราะกังวลว่าจะกระทบการค้าขายตามแนวชายแดน...หลังผู้นำกัมพูชาต่อสายร้องขอ”

ข้อคิดของ อจ.อัครพงษ์ ค่ำคูน เรื่องเหตุการณ์ทหารเขมรสูญเสียชีวิต เมื่อเช้ามืดวันที่ ๒๘ พฤษภา “เป็นเหตุการณ์ที่ผิดปรกติวิสัยในการลาดตระเวนร่วม ของทหารทั้งสองฝ่ายที่เคยปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันด้วยดีเสมอมา” โดยสามัญสำนึกแล้ว ไม่ควรเกิดขึ้น

รวมทั้งตำแหน่งของพื้นที่เกิดเหตุ ก็ยังไม่มีการยืนยันอะไรแน่นอนว่าเป็นจุดไหนแน่ ว่าเป็นช่องบก เนิน ๕๐๐ หรือ ๗๔๕ กันแน่ แม้แต่รูปที่ถ่ายมา “ว่าฝ่ายกัมพูชามีการขุดสนามเพลาะ” ก็ไม่ใช่ภาพถ่ายทางอากาศ ที่จะเห็นชัดแจ้ง พิสูจน์ได้

จำเพาะข้อสำคัญที่ว่าฝ่ายกัมพูชา ทวงคืนดินแดนปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ปราสาทโดนตวล ฝ่ายไทยได้ทำการตรวจสอบกับกรมแผนที่ทหาร หรือ กรมสนธิสัญญา “จริงๆ จังๆ ว่าเป็นอย่างที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างหรือไม่”

การไม่พร้อม ไม่ได้ศึกษาหลักฐานข้อเท็จจริงให้รอบด้าน ทำให้พ่ายแพ้ในเวทีระหว่างประเทศมาแล้วในคดีเขาพระวิหาร

(https://www.facebook.com/akkharaphong/posts/b3exT5hsAs, https://www.facebook.com/reel/10030334357082950 และ  https://mono29.com/news/515641.html)