วันอังคาร, กรกฎาคม 15, 2557

ระเบิดเวลาที่ทำลายตัวเอง


ที่มา


ข่าวความเคลื่อนไหวจากองค์การเสรีไทยฯ

ตามที่นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการองค์การเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย นำเสนอแนวทางการต่อสู้อย่างสันติวิธีและถูกนำไปแปรเป็นรูปธรรม ตามที่ผมได้เสนอแนวทางไว้ ตามที่เป็นข่าวในหน้าสื่อมวลชนกระแสหลักหลายฉบับเช่นใน นสพ.มติชน วันที่ 13 กค.57 เป็นต้นนั้น

ในวันนี้ ซึ่งตรงกับวันเริ่มต้นระบอบประชาธิปไตยของมนุษยชาติ ที่เริ่มต้นที่ฝรั่งเศสเมื่อ 225 ปีที่แล้วและเป็นวันชาติฝรั่งเศส ผมได้ถือโอกาสในวันนี้แถลงข้อมูลเพิ่มเติมในสถานที่แห่งหนึ่งที่ไม่เปิดเผย โดยขยายรูปธรรมของเหตุการที่จะเกิดการลุกฮือของประชาชนขึ้นโค่นล้ม คสช. อันเป็นผลจากระบอบเผด็จการของ คสช.เองว่า

"ถ้า คสช.ยังยืนยันจะดำรงระบอบเผด็จการทหาร ใช้อำนาจมิชอบโยกย้ายข้าราชการ ปราบปรามข่มขู่ประชาชนและแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนโดยมิชอบโดยไม่มีใครตรวจสอบได้อย่างเช่นขณะนี้ รวมทั้งการออกนโยบายบริหารประเทศที่จะนำประชาชนกลับไปสู่ความล้าหลังทางการพัฒนา เมื่อนั้น คสช. จะพบกับกระบวนการต่อสู้ของประชาชนรูปแบบใหม่ที่ต่างจาก นปช.ที่ยากแก่การปราบปรามทำลายล้าง และยากที่จะข่มขู่ได้

จากการนำเสนอให้จัดตั้งหน่วยเสรีไทยที่หลากหลายเป็นอิสระ มีขนาดเล็กกะทัดรัด ปิดลับพร้อมปฏิบัติการได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องรอแกนนำสั่งไปแล้วนั้น ได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนผู้ตาสว่างเป็นอย่างมาก เพราะแม้เหตุการรัฐประหารผ่านมาเกือบ 2เดือนแล้ว คสช.ก็ยังแก้สถานการณ์เลวร้ายที่มาจากน้ำมือของตัวเองไม่ตก อันได้แก่ การท่องเที่ยวตกต่ำลงกว่า 70% จนสนามบินสุวรรณภูมิร้าง กิจการโรงแรมรีสอร์ตปิดตัวคนตกงาน ราคายางและข้าวตกต่ำอย่างไม่เคยปรากฎมาก่อนในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา รวมถึงทิศทางการลงทุนภาครัฐและเอกชนตกต่ำ ไร้ประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก

ขณะนี้นักศึกษา ประชาชน เกษตรกร ข้าราชการ และผู้รักประชาธิปไตยได้รู้เช่นเห็นชาติ คสช.แล้ว และมองไม่เห็นโอกาสที่ชีวิตจะดีขึ้นได้ และไม่เห็นทางออกอื่นใดที่จะนำประเทศชาติกลับคืนสู่ระบอบประชาธิปไตยได้ พวกเขาได้ผ่านการสะสมบทเรียนมาแล้ว จึงเริ่มเตรียมการสะสมกำลังอย่างปิดลับ เพื่อรอคอยโอกาสลุกฮือโค่นล้มระบอบเผด็จการ คสช. ที่คล้ายกับการลุกฮือโค่นล้มระบอบเผด็จการถนอม-ประภาสของ นักศึกษาประชาชนในเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516แต่ครั้งนี้จะใหญ่กว่า และมีระบบการจัดตั้งที่เข้มแข็งกว่า

ผลจากเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตนี้ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่คือการสถาปนาระบอบประชาธิปไตยของประชาชนอย่างแท้จริงเกิดขึ้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ หาก คสช. ยังดื้อดึงที่จะคงระบอบเผด็จการทหารไว้เหนืออำนาจของรัฐสภา หากถึงวันนั้น คสช.จะโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเองที่เป็นผู้จุดชนวนระเบิดทางสังคมขึ้นเอง"

สุนัย จุลพงศธร
ผู้แทนราษฎรพลัดถิ่น
14 กรกฎาคม 2557