วันอังคาร, สิงหาคม 12, 2557

กระบวนการทำ "ภาพยนต์" ตอแหลกำลังดำเนินงานของมันอย่างไร้สติ

Picture from Political Prisoners of Thailand
ภาพจาก เฟสบุ๊ค Kulwit
ที่มา เฟสบุ๊ค Kulwit

เริ่มจากกรณีไม้หนึ่ง แรกการเสียชีวิต สังคมสงสัยตรงกันว่า น่าจะมาจากการที่ไม้หนึ่งมีหัว "ก้าวหน้า" มากเกินไป จากกิจกรรมปฏิิญญาหน้าศาลหลายครั้ง ฝ่ายตรงข้ามจำเป็นต้อง "เขียนเสือให้วัวกลัว"

มาวันนี้ คดีการตายของไม้หนึ่ง ยังไม่คืบหน้าไปไหน แต่ไม้หนึ่งกลับกลายเป็นนักรบติดอาวุธของคนเสื้อแดงไปซะชิบ การยัดข้อหาก็เพื่อเปิดช่องให้ตำรวจเลว ยัดข้อหาว่าไม้หนึ่งเป็นพวกก้าวร้าว และเสียชีวิตเพราะขัดแย้งเรื่องอาวุธ ให้สังคมมองว่า คนอย่างไม้หนึ่ง มันเป็นพวกหัวรุนแรง มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดระเบิดจำนวนมากที่เกิดขึ้นในห้วงเวลาก่อนหน้า ไม้หนึ่งสมควรตายแล้ว เมื่อสมควรตาย ก็ไม่ต้องหาคนฆ่า

ปิดคดี ด้วยการยัดอาวุธใส่มือศพ ด้วยคิดว่า "คนตายพูดไม่ได้"

ส่วนกรณีของกริชสุดา เธออยู่ในประเทศไทยมาทั้งสิ้น 30 วันนับตั้งแต่ถูกทหารลักพาตัวที่จังหวัดชลบุรี ตลอดเวลา 30 วัน ไม่มีใครพูดว่าเธอมีความเชื่อมโยงกับอาวุธ กระทั่งเธอออกมาเปิดเผยว่าเธอถูกทรมาณในค่ายทหาร

พลันนั้น อยู่ดีดี ตำรวจเลวก็บอกว่าเธอเป็นกลุ่มนักรบติดอาวุธ โดยมีพยานเป็นใครก็ไม่ทราบ ชนิดที่นักข่าวถามว่า ไอ้หมอนี่ก็เหตุที่ไหนบ้าง ตำรวจที่แถลงข่าวจับกุมยังได้แต่อ้ำอึ้ง ก่อน พล ต อ สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง จะบอกลอยๆไปว่า "ก็หลายที่"

การยัดข้ออาอาญาแก่กริชสุดา ก็เพื่อให้ง่ายต่อการส่งผู้ร้ายข้ามแดน เพราะหลักเกณฑ์เรื่องนี้คือทั้ง 2 ประเทศต้องมีกฏหมายเหมือนกัน จึงยอมรับส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้ ซึ่งคดีอาญา มีความเป็นสากลมากที่สุด

ส่วนคดีการเมือง ประเทศที่ให้พักพิง มีสิทธิ์อันชอบธรรมในการปฏิเสธการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ทั้งนี้ มั่นใจว่าประเทศที่ให้กริชสุดาลี้ภัย เชื่อว่า การแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็น "คดีการเมือง" และไม่ส่งตัวเธอกลับแน่นอน

กระนั้น หากย้อนกลับไปเรื่องราวทำนองนี้เคยเกิดขึ้นกับกลุ่มคนเสื้อแดงในปี 53 ที่ ศอฉ ระบุว่า พบอาวุธจำนวนมากอยู่ในบ่อน้ำวัดปทุม ทั้งหมดก็เพื่อสร้างความชอบธรรมให้ทหารสลายการชุมนุม

ยิ่งย้อนไปในปี 19 คณะทหารโดย พล ร อ สงัด ชลออยู่ ก็อ้างว่าพบอาวุธ อยู่ทั้งในธรรมศาสตร์ และสนามหลวง เพื่อปกป้องกลุ่มขวาจัดที่เข้าไปปราบนักศึกษาในเหตุการณ์ 6 ตุลา

วันนี้ฝ่ายผู้มีอำนาจกำลังเป็นผู้กำกับ ทำหนังซ้ำเรื่องเดิม เพียงแต่เปลี่ยนบท และตัวละคร ทว่าผู้กำกับเองก็จะลืมไปว่าปริบทของสังคมไทยนั้นเปลี่ยนไปมาก

เสื้อแดง ไม่ใช่ตั้งรับแบบนักศึกษา ทว่าพวกเขามีการเรียนรู้ประวัติศาสตร์อย่างเข้มข้น และมีองคาพยพที่ให้ความรู้ โดยเฉพาะกลุ่มคณาจารย์ เรื่องกลุ่มทุนเอง เสื้อแดง ก็ไม่ใช่กลุ่มคนยากจนเสียทีเดียว ด้านปริมาณ ก็ชนะเลือกตั้งแบบสบาย มาตลอด ขณะที่อินเตอร์เน็ตก็ช่วยถอดหน้ากากเหล่าผู้กำกับและคนเบื้องหลัง และเบื้องหน้า

หนังเรื่องใหม่ แต่เนื้อหาเดิมเรื่องนี้ ไม่มีทางหลอกกินเงินคนดูได้อีกต่อไป