วันพุธ, กันยายน 03, 2557

แถลงการณ์ FIDH (international Federation for Human Rights) - ประเทศไทย: จำเป็นต้องให้ UN มาเยือนประเทศ และสอบสวนข้อกล่าวหาว่ามีการทรมานระหว่างการควบคุมของทหารโดยด่วน


แถลงการณ์ร่วม

ประเทศไทย: จำเป็นต้องให้ผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติมาเยือนประเทศ และสอบสวนข้อกล่าวหาว่ามีการทรมานระหว่างการควบคุมของทหารโดยด่วน

ที่มา
http://www.fidh.org/en/asia/thailand/15955-thailand-un-special-rapporteur-s-visit-is-urgently-needed-to-investigate

http://dangdd.com/threads/แถลงการณ์ร่วมให้ไทยเร่งให้ผู้รายงานพิเศษ-un-เข้ามาสอบสวนเรืองการทรมานระหว่างการควบคุมโดยด่วน.100197/


กรุงเทพฯ ปารีส 2 กันยายน 2557:

รัฐบาลที่ตั้งขึ้นใหม่ของไทยต้องจัดการอย่างเร่งด่วนเพื่อเชิญศาสตราจารย์ Juan Mendez ผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการทรมานและการปฏิบัติหรือการลงโทษอื่นๆที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (UN Special Rapporteur on Torture and other cruel, inhuman or degrading treatment or punishment) ให้มาสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข้อกล่าวหาที่น่าเชื่อถือว่าได้เกิดการทรมานและการปฏิบัติที่โหดร้ายโดยผู้กระทำเป็นเจ้าหน้าที่ทหารนับแต่การรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา FIDH (International Federation for Human Rights) และองค์กรสมาชิกอย่างสมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) กล่าวในวันนี้

“เราเริ่มเห็นแบบแผนที่ชัดเจนของข้อกล่าวหาร้ายแรงว่ามีการซ้อมทรมาน” คาริม ลาฮิดจี (Karim Lahidji) ประธานของ FIDH กล่าว “ถ้านายกฯประยุทธ์ไม่มีสิ่งใดต้องหลบซ่อนเขาต้องอนุญาตให้ผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติเดินทางมาเยือนประเทศไทยและดำเนินการสอบสวนอย่างเป็นอิสระตามข้อกล่าวหาเหล่านี้”

FIDHได้รับข้อกล่าวหาที่น่าเชื่อถือว่ามีการทรมานและการปฏิบัติที่โหดร้ายเกิดขึ้นกับบุคคลอย่างน้อย13 คน (ชาย 11 คน และหญิง 2 คน)ซึ่งได้ถูกทางการไทยจับกุมตัวไปไว้ยังค่ายทหารที่ต่าง ๆ ทั้งในกรุงเทพฯและภาคตะวันออกเฉียงเหนือในช่วงไม่กี่วันหลังเกิดการรัฐประหาร

ผู้ถูกควบคุมตัวให้ข้อมูลว่าถูกทรมานเพื่อรีดข้อมูลเกี่ยวกับความเชื่อมโยงทางการเมือง หรือไม่ก็ถูกบังคับให้รับสารภาพว่าร่วมมือกับบุคคลอื่นในการทำกิจกรรมต่อต้านรัฐประหาร ผู้ถูกควบคุมตัวให้ข้อมูลว่าถูกมัดมือและเท้าเป็นเวลาหลายวันและในบางกรณีมีการผูกผ้าปิดตา เจ้าหน้าที่มักซ้อมและเตะผู้ถูกควบคุมตัวและผู้ถูกควบคุมตัวบางคนให้ข้อมูลว่าถูกซ้อมจนสลบ ส่วนคนอื่น ๆ บอกว่ามีการนำถุงพลาสติกมาคลุมศีรษะเพื่อให้ขาดอากาศหายใจและมีการใช้ไฟฟ้าช็อตที่อวัยวะเพศ นอกจากนี้ยังมีการทรมานด้านจิตใจทั้งการแกล้งจะนำไปฝัง และการแกล้งจะฆ่าให้ตายรวมทั้งการข่มขู่ญาติพี่น้องในครอบครัว แม้จะไม่เป็นที่ปรากฏว่าผู้ถูกควบคุมตัวเหล่านี้ได้รับผลกระทบทั้งทางร่างกายหรือจิตใจมากน้อยเพียงใดแต่มีอยู่หนึ่งกรณีที่ผู้ถูกควบคุมตัวต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลโดยเป็นผลมาจากการซ้อมทรมาน

ข้อกล่าวหาเหล่านี้สอดคล้องกับข้ออ้างของผู้ถูกควบคุมตัวคนอื่น ๆ ที่ระบุว่า ได้ถูกทรมานระหว่างการควบคุมตัวของทหาร นส.กริชสุดา คุณะแสน อายุ 27 ปีอ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ทหารซ้อมทรมานเพื่อบังคับให้บอกว่าตนเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับพตท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ รวมทั้งกลุ่มคนเสื้อแดงในฐานะทำงานให้ความช่วยเหลือคนเสื้อแดงที่ถูกคุมขังในวันที่ 27 พฤษภาคม 2557 เจ้าหน้าที่ทหารได้บุกเข้าจับกุมนส.กริชสุดาที่จังหวัดชลบุรีทางภาคตะวันออกของไทย ฐานไม่ไปรายงานตัวกับทหารและมีการควบคุมตัวโดยไม่ให้ติดต่อกับโลกภายนอกในสถานที่ลับจนกระทั่งมีการปล่อยตัวเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน

ในระหว่างการสัมภาษณ์ผ่าน Skype โดยมีผู้สัมภาษณ์เป็นนักข่าวอิสระและมีการเผยแพร่วีดิโอเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม นส.กริชสุดาบอกว่าถูกปิดตาและถูกมัดมือตลอดเวลาช่วงเจ็ดวันแรกของการควบคุมตัว เธอบอกว่าได้ถูกซ้อมหลายครั้งในระหว่างการสอบปากคำมีการนำถุงพลาสติกและเศษผ้ามาครอบศีรษะจนทำให้เธอหมดสติ ในอีกตอนหนึ่งของบทสัมภาษณ์ผ่าน Skype ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม นส.กริชสุดากล่าวว่าทหารให้กินยาพาราเซตตามอนและยาแก้อักเสบเพื่อลบร่องรอยการซ้อมทรมานบนร่างกาย การควบคุมตัวนส.กริชสุดาเป็นเวลา 29 วันเป็นสิ่งที่มิชอบด้วยกฎหมายไม่เฉพาะกฎหมายระหว่างประเทศแต่รวมทั้งกฎอัยการศึกของเผด็จการทหารไทยด้วยเพราะกฎอัยการศึกให้อำนาจควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยไม่เกิน 7 วันโดยไม่ตั้งข้อกล่าวหา นส.กริชสุดากล่าวว่า เมื่อวันที่ 15 มิถุนายนเธอถูกบังคับให้ลงนามในเอกสารยืนยันว่าเป็นผู้ขอให้ทหารขยายระยะเวลาการควบคุมตัวออกไปเกินกว่า 7 วัน โดยอ้างว่าเพื่อ “เหตุผลด้านความปลอดภัย”

เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม มีรายงานว่านายวรวุฒิ เทือกชัยภูมิ นักศึกษาและนักกิจกรรมจากมหาวิทยาลัยมหาสารคามทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือถูกขู่ว่าจะตกเป็นเหยื่อการบังคับบุคคลให้สูญหายและถูกสังหารระหว่างถูกควบคุมตัวโดยทหารเนื่องจากเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับการประท้วงต่อต้านรัฐประหาร

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนใหม่และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งเป็นเผด็จการทหารได้ยึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เขาระบุว่าเผด็จการทหารไม่ต้องการละเมิดสิทธิมนุษยชนและไม่มีนโยบายซ้อมทรมานหรือทำอันตรายใคร พันเอกวินธัย สุวารีโฆษกคสชประกาศว่าที่ผ่านมาไม่มีการปฏิบัติมิชอบหรือการทำร้ายผู้ถูกควบคุมตัวรายใด

“การปฏิเสธแบบเหมารวมและการไม่ยอมให้มีการสอบสวนตามข้อกล่าวหาว่ามีการทรมานแสดงให้เห็นว่าเผด็จการทหารไทยไม่ปฏิบัติตามพันธกรณีของไทยที่มีต่อกฎหมายระหว่างประเทศ” ดร.จตุรงค์ บุณยรัตนสุนทร ประธานสสส.กล่าว

“เหตุผลดังกล่าวยิ่งทำให้การมาเยือนประเทศไทยของผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง” เขากล่าวเสริม

ไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการปฏิบัติหรือการลงโทษอื่นๆที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (Convention Against Torture and other Cruel, Inhuman or Degrading Treatment or Punishment - CAT) ตามข้อ 13 ของอนุสัญญา ไทยมีพันธกรณีจะต้องจัดให้มี “การสอบสวนโดยพลันและปราศจากความลำเอียง” กรณีที่ “มีเหตุผลน่าเชื่อถือ” ว่าการได้เกิดการทรมานขึ้นมาจริง

รัฐบาลชุดที่แล้วของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เห็นชอบต่อการเดินทางมาเยือนอย่างเป็นางการของนายเมนเดซที่เป็นผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติ ซึ่งเดิมมีกำหนดมาเยือนประเทศไทยระหว่างวันที่ 4-18 สิงหาคม 2557[1] อย่างไรก็ดี ภายหลังการรัฐประหารกระทรวงการต่างประเทศแจ้งว่าจะชะลอการมาเยือนของผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติไปช่วงปลายปี

เมื่อเดือนมิถุนายนคณะกรรมการต่อต้านการทรมานซึ่งเป็นหน่วยงานที่ตรวจสอบและปฏิบัติตามอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการปฏิบัติหรือการลงโทษอื่นๆ ที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรีกล่าวว่า มี “ความกังวลอย่างลึกซึ้ง” เกี่ยวกับการประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วประเทศของกองทัพไทยเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม คณะกรรมการฯ กระตุ้นให้ประเทศไทย “ยึดมั่นอย่างจริงจังกับข้อห้ามโดยเด็ดขาดต่อการทรมาน”[2]

FIDH และ สสส. เน้นย้ำข้อเรียกร้องให้ยกเลิกกฎอัยการศึกและกระตุ้นรัฐบาลไทยให้ปฏิบัติอย่างเต็มที่ตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการฯ โดยเฉพาะข้อเสนอของคณะกรรมการฯที่ระบุให้ประเทศไทยใช้มาตรการที่เป็นผลเพื่อประกันให้ “ผู้ถูกควบคุมตัวทุกคนได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายขั้นพื้นฐานตั้งแต่เริ่มต้นของการควบคุมตัว” โดยมาตรการคุ้มครองเหล่านี้ครอบคลุมถึงสิทธิที่ผู้ถูกควบคุมตัวจะสามารถเข้าถึงทนายความและแพทย์ที่เป็นอิสระโดยพลันรวมทั้งสิทธิที่จะติดต่อกับครอบครัวของตน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโปรดติดต่อ:

FIDH: Mr. Arthur Manet (ฝรั่งเศส อังกฤษ สเปน)
โทร +33 6 72 28 42 94 (ปารีส)

FIDH: Ms. Audrey Couprie (ฝรั่งเศส อังกฤษ สเปน)
โทร +33 6 48 05 91 57 (ปารีส)

สสส.: ดร.จตุรงค์ บุณยรัตนสุนทร (ไทย-อังกฤษ)
โทร +66890571755 (กรุงเทพฯ)

สสส.: ดร.แดนทอง บรีน (ไทย-อังกฤษ-ฝรั่งเศส)
โทร +66814502254 (กรุงเทพฯ)

_______________________________

[1] สำนักงานข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UN Office of the High Commissioner for Human Rights - UNOHCHR), 10 มีนาคม 2557 นาย Juan Mendez ผู้รายงานพิเศษว่าด้วยการทรมานได้แจ้งต่อที่ประชุมคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2557 และระบุไว้ในรายงานประเด็นหลักเกี่ยวกับ “การใช้หลักฐานที่ได้มาจากการซ้อมทรมานและหลักเกณฑ์ที่ห้ามใช้พยานหลักฐานที่ได้มาโดยมิชอบ (exclusionary rule)”

[2] คณะกรรมการต่อต้านการทรมาน ข้อสังเกตเชิงสรุปที่มีต่อรายงานเบื้องต้นของประเทศไทย 20 มิถุนายน 2557 UN Doc. CAT/C/THA/CO/1, ย่อหน้า 4

http://www.fidh.org/en/asia/thailan...eur-s-visit-is-urgently-needed-to-investigate

ข้อมูลมาจากเวบ http://www.democracythai.com/board/index.php/board,2.0.html
ooo

ข่าวล่าสุด... เฟสบุ๊คแนวร่วมขบวนการเสรีไทยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นสช.) แจ้งว่า UN จะขอเข้ามาทำการสอบสวน กรณี เปิ้ล กริชสุดา เป็นประเด็นหลัก ประเด็นแรก