วันจันทร์, ธันวาคม 08, 2557

"บิ๊กจิ๋ว" สอนน้องห่วงเดินทางผิด


ที่มา เดลินิวส์ออนไลน์
7 ธันวาคม 2557

‘บิ๊กจิ๋ว’สอนน้องห่วงเดินผิดทาง หวั่นปฏิวัติซ้อนเหตุแก้ไม่ถูกจุด

ในวัย 83 ปีที่ผ่านร้อนหนาวในสนามรบและสนามทางการเมือง มาอย่างโชกโชน“บิ๊กจิ๋ว”พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี อดีตผู้บัญชาการทหารบก ควบตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดที่มักเสนอตัวเป็นโซ่ข้อกลางขั้วอำนาจทางการเมือง และเมื่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เข้ามาผลัดใบทางการเมืองสู่วงรอบการยึดอำนาจอีกครั้ง ถึงเวลาที่ต้องมาฟังมุมมอง“บิ๊กจิ๋ว”สอนน้อง ทั้งทหารและรัฐบาล คสช.

มองว่ารัฐบาลแก้ปัญหาความแตกแยกได้หรือยัง

ผมห่วงบ้านเมืองยิ่งกว่าชีวิต ปัญหาความแตกแยกทุกวันนี้ผมเสียใจที่แก้ไขไม่ทัน เพราะผมทำงานไม่สะดวก ส่วนตัวคิดว่าความแตกแยกยังไม่จบหากย้อนดูประวัติศาสตร์ตั้งแต่เหตุการณ์ปี 2507 ซึ่งเป็นจุดแตกหักที่เกิดความสูญเสียอย่างหนัก จนต้องมาออกคำสั่ง 66/2523 โดย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น เพื่อให้พี่น้อง ลูกหลานคนไทยที่อยู่ในป่ามีความคิดต่างกันกับทางการมามอบตัว โดยให้ทุกคนมีเสรีภาพ และไม่ต้องถูกดำเนินคดี สถานการณ์มันก็ดีขึ้นจนเกิดเป็นความสงบสุขทั่วประเทศแต่ขณะนี้สิ่งเหล่านั้นยังไม่เกิดคิดต่างกันระดมคนมาจะฆ่ากันให้ตายไปข้างหนึ่งการที่ทหารบอกให้กินข้าวและจับมือแล้วบอกว่าแก้ปัญหาได้แล้ว มันง่ายขนาดนั้นเลยหรือพูดง่าย ๆ การแก้ปัญหาอย่างนี้ ต้องมีสองขั้นตอน คือ แก้ปัญหาเฉพาะหน้า ที่เป็นปัญหาพื้นฐานของชาติหรือรากเหง้าของปัญหาก่อน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอื่น ๆตามมา แล้วจึงมาแก้ปัญหาขั้นที่สองคือเรื่องการเมืองการปกครองแต่ที่ผ่านมาไม่ได้แก้ปัญหาพื้นฐานปัญหาการเมืองการปกครองที่ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตยจึงเกิดขึ้นตามมา

คสช. และรัฐบาลบอกจะแก้ปัญหาด้วยการวางโรดแม็พปฏิรูปประเทศให้จบภายใน 1 ปี

สิ่งสำคัญที่สุดของประเทศไทยคือ เรื่องปัญหาพื้นฐาน ความรู้สึกที่มองว่าการเมืองการปกครองไม่ใช่ของประชาชน ทำให้ประชาชนไม่สบายใจลุกขึ้นมาเรียกร้อง และเกิดเป็นสงครามกลางเมือง นี่คือปัญหาเฉพาะหน้า น้อง ๆ ทหารต้องแก้กันอย่างจริงจังยุติสงครามต่อสู้ให้ได้ จึงจะไปแก้ปัญหาหลักการปกครองของประเทศ เหมือนกับอดีตเราต่อสู้กับพรรคคอมมิวนิสต์หลายสิบปี กว่าจะยุติสงครามได้ในปี 2525 โดยแก้ปัญหาที่ความคิดเรา วางหลักความคิดที่ถูกต้อง เชื่อและให้โอกาสกับทุกคนที่คิดต่างจากเรา



ถ้าเป็นอย่างนั้น อะไรคือการแก้ปัญหาแท้จริงของประชาธิปไตยไทย

ปัญหาการเมืองที่ไม่เป็นของประชาชนแต่เป็นของกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด ผลประโยชน์ของชาตินำไปสนองตอบคนมีอำนาจสูงสุด คือนายกรัฐมนตรี หรือพรรคการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้ง ทำให้เกิดปัญหาการปกครองที่ไม่ได้เกิดประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่ เมื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าคือความยากจนเสร็จ แล้วค่อยกลับมาแก้การเมืองโดยใช้การเมืองเป็นตัวแก้ หลักการง่าย ๆ ต้องไม่ใช้กำลัง หรือความมั่นคงไปแก้ไข เพราะมันแก้ไม่ได้ จะเกิดการต่อสู้ระหว่างคนเมืองกับคนชนบท เพราะรัฐบาลไม่รู้และไม่ได้เข้าไปแก้ปัญหาพื้นฐานก่อน

ผมเคยแก้ปัญหาได้แล้วเมื่อปี 2525เหลือปัญหาการเมืองต้องแก้ระบบการเมืองพรรคการเมือง การจะเอาทหารเข้าไปแก้ก็ไม่มีใครว่า แต่ทหารทำจะมีเรื่องมาก ซึ่งเป็นเหตุให้ผมลาออกจากตำแหน่งทั้ง ผบ.ทบ. และ ผบ.สส. ก่อนล่วงหน้า 4ปี และมีคนเดียวในโลกที่ทำอย่างนี้ เพราะมีแต่ต่ออายุกันทั้งนั้นเป็นสิ่งตัดสินใจว่าจะไม่ใช้กระบวนการทหารมาแก้ไขปัญหาการเมือง เพราะจะถูกมองว่ามีการใช้อำนาจกองทัพ และทหารจะกลายเป็นฝ่ายผิด เป็นฝ่ายทำลายประชาธิปไตย ทั้ง ๆ ที่การปกครองที่ใช้อยู่มันไม่ได้เป็นประชาธิปไตย

แสดงว่า คสช.-รัฐบาล ยังเดินไม่ถูกทาง

“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องใช้เสียงเพราะ ๆ พูดให้คนจนฟังพยายามให้ทุกคนเห็นใจกองทัพ พื้นฐานของการเข้ามาบริหารประเทศ นี่คือความปรารถนาดี อยากแก้ไขปัญหาให้บ้านเมืองมันเดินได้อย่าไปโวยวาย ด่าว่า แต่ควรยิ้ม ๆ หน่อย ลดดีกรีลงบ้าง อธิบายให้เข้าใจบทบาทของทหารที่ต้องเสียสละ และทำทุกอย่างให้บริสุทธิ์ยุติธรรม ซึ่งน่าเห็นใจ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะต้องทำตามคำขอร้องต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ และขณะนี้ต่างคนคิดเยอะเป็นเหตุสำคัญ ทำให้ภาระหน้าที่หรืองานหลัก ๆ ตกค้างเหมือนเดิม”

ส่วนที่กระแสต่อต้านมีมากขึ้นนั้น เพราะทุกคนเข้าใจว่าปัญหาการเมืองการปกครอง ไม่เกิดโดยยถากรรม หรือเป็นไปตามดวงดาวกำหนด และเกิดซ้ำ ๆ วนเวียน ทหารยึดอำนาจ ตั้งคณะร่างธรรมนูญ เสร็จเลือกตั้ง พรรคการเมืองมาดูแลประเทศไปได้พักหนึ่ง ก็หมุนกลับมาอีก ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านเราเขาไปไหนกันหมดแล้ว

อยากเตือนน้อง ๆ ถ้าอย่างนี้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่ 21 เตรียมไว้เลยเพราะเวลาร่างเห็นท่านทั้งหลายที่ได้รับมอบภารกิจนี้ก็เหน็ดเหนื่อยกันมากไปเอาแบบเลือกตั้ง เยอรมนี ฝรั่งเศสซึ่งในการร่างรัฐธรรมนูญ ปี 40 ผมไม่แตะเลยคณะร่างเสนอมาดีแค่ไหน ประชาชนก็ยังตีกันต่อเพราะปัญหาพื้นฐานไม่ถูกแก้

รัฐธรรมนูญใหม่คาดว่ามีการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีโดยตรง

ขอให้นึกว่าการที่เรามีการเลือกตั้งผู้บริหารที่มาจากประชาชนโดยตรง จะมีคนอ้างอำนาจได้หรือไม่ว่ามาจากประชาชนโดยตรง โดยไม่ยึดโยงอำนาจจากพระมหากษัตริย์ที่ทุกพระองค์ทรงทุ่มเทสร้างประชาธิปไตย ขอให้ระวังอย่างเดียวคือเลือกตั้งแล้วต้องกราบบังคมทูลให้ทรงลงพระปรมาภิไธย ซึ่งแสดงว่าทรงใช้เป็นพระราชอำนาจเพื่อประโยชน์ของประชาชน โดยระบุชัดเจนในระบอบประชาธิปไตยของไทย จนถึงขณะนี้พระองค์ท่านทรงมีหัวใจให้ประชาชนแท้จริง การที่รัฐสภาซึ่งเป็นผู้แทนปวงชน ทำหน้าที่ถวายพระราชอำนาจเรื่องต่าง ๆ เพื่อเทิดทูนพระองค์ท่าน หากบางคนใช้อำนาจตรงนี้มาจากประชาชนโดยตรงและถืออำนาจสูงสุด จะเหมาะสมหรือไม่

ที่ผ่านมาประชาชนเลือก ส.ส. และ ส.ว. ประชาชนก็มีสิทธิทุกอย่าง หากไปใช้ระบบประธานาธิบดี จะทำให้เอกลักษณ์การเมืองการปกครองโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โดยทรงมีพระบรมราชวินิจ เป็นองค์คู่การเมืองการปกครองของชาติต้องถูกลดลง ความยึดโยงกับประชาชนคนไทยมาตลอดจะสูญเสียไป ไม่ว่าอะไรก็ดี ช่วยกันคิดระลึกสิ่งที่เป็นหลักของชาติ พวกเราลืมไปว่าก่อนหน้าปี 2475 ก่อนหน้านี้ น่าศึกษาน่าเรียนมากที่สุด อยากให้เข้าใจพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์เป็นองค์หลักของชาติผูกติดกับรัฐ เป็นสิ่งที่คนไทยยึดถือและหวงแหนที่สุด

อยากฝากอะไรถึงนายกรัฐมนตรี

อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ ฟังให้มากเพราะขณะนี้ก็คงนอนไม่หลับ จากปัญหาทำงานยากขึ้น เพราะนายกฯเองสร้างบรรยากาศที่ตึงเครียดกันทั้งประเทศ ทั้งปัญหาการเมืองที่เริ่มวุ่นวายจากคณะร่างรัฐธรรมนูญ

’หากนายกฯ ให้หัวใจกับประชาชน รับฟังคนที่คิดต่างและให้เกียรติประชาชนจะเอาใจช่วยรัฐบาลสิ่งที่คิดจะทำก็สำเร็จไม่ต้องมานั่งเปิดเพลงหรือสรรหาของขวัญปีใหม่คืนความสุขอะไร สำคัญที่สุดคือนโยบายที่ต้องแก้ปัญหาให้ถูกจุด ถูกทาง หากทำไม่ได้ แก้ไม่เป็น ระวังโดนปฏิวัติซ้อน ตอนมาได้ดอกกุหลาบแต่ตอนไปได้ก้อนอิฐ ปัญหาความยากจน คนอดอยาก ปัญหาเศรษฐกิจในปีหน้า ปัญหาหนี้เพิ่มขึ้นเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีประเทศ สร้างเงื่อนปมไปสู่ปัญหาอื่น ๆ ตามมาอีกมาก“

ส่วนตัวมั่นใจในความตั้งใจและความปรารถนาดีของพล.อ.ประยุทธ์ และนายทหารรุ่นน้องทั้งหมดที่เข้ามาแก้ไขปัญหาบ้านเมืองในเวลานี้ ซึ่งถูกต้องแล้วที่สถาบันทหารต้องทำรัฐประหารเพื่อหยุดสงครามกลางเมือง การต่อสู้ที่อาจบานปลายกลายเป็นการแบ่งแยกการปกครอง ซึ่งทหารยอมไม่ได้และต้องมาแก้ปัญหาคนยากจนกว่า 40 ล้านครัวเรือน ก่อนให้ได้สิทธิในทรัพยากรของประเทศเท่าเทียมกันกับกลุ่มชนชั้นนำของประเทศ คือการกระจายอำนาจและงบประมาณลงสู่ท้องถิ่นอย่างแท้จริง วางนโยบายให้เกิดงานเกิดอาชีพในชนบท ให้เกษตรกรหายจน เพื่อไม่ลามไปสู่ปัญหาอื่น ๆ มากมายจนทำให้ประชาธิปไตยไทยล้มลุกคุกคลานมาตลอดกว่า 80 ปี

ส่วนรัฐธรรมนูญจะร่างใหม่กันอย่างไรนั้น ถือเป็นเพียงการนำข้อบกพร่องในการปกครองที่ผ่านมาไปใส่ไว้ ซึ่งไม่ได้แก้ปัญหาพื้นฐานของประชาชนได้จริง อยากให้ลองไปดูของรัฐบาลจีนว่าปกครองประเทศอย่างไรจึงนำพาประชาชนจีนก้าวเป็นประเทศมหาอำนาจ เป็นเพราะเขามุ่งมั่นแก้ปัญหาคนจนก่อน แต่ของเรากลับไปมุ่งเก็บภาษีมรดก ขึ้นภาษีต่าง ๆ นานา ยิ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลหาเงินไม่เป็น

มองอย่างไรที่คณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ คณะที่ 10 โยนประเด็นเรื่องการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้กับผู้ร่วมชุมนุมการเมืองปี 48-57

เชื่อว่าเร็ว ๆ นี้รัฐบาลทหารต้องทำกฎหมายนี้ออกมา มั่นใจว่านายกฯ รู้ดีว่าต้องทำเพื่อยุติปัญหาทั้งหมด จะเพื่ออะไรก็ตามให้น้อง ๆ ไปถามคนไทยส่วนใหญ่ อยากให้เลิกทะเลาะกันและให้อภัยกันเป็นสิ่งที่มีอยู่ในนิสัยคนไทย ที่มีจิตใจบริสุทธิ์ เลิกเสียทีคำว่า ทรยศแผ่นดิน ทุกคนคือพี่น้อง ลูกหลานเราและมองไปข้างหน้า เราทิ้งโอกาสพัฒนาประเทศไปนานเกินไปแล้ว.