วันเสาร์, ธันวาคม 13, 2557

รู้แระ ใครฆ่า "เพลงเพื่อชีวิตไทย"


https://www.youtube.com/watch?v=USR0gyfW9o0

ขอมอบบทเพลงนี้ให้พี่ตู่ที่เคารพ
เห็นทีอนาคตประเทศชาติ ต้องพึ่งพาท่านแล้วละครับ
แอ๊ด คาราบาว / 26 พฤษภาคม 2557
ooo

เพลงเพื่อชีวิตสิ้นมนต์ขลัง


โดย สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ

เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มีประกาศจากเพจ “สมุทรปราการทูเดย์” ว่า ตามกำหนดเดิมจะมีงานแสดงคอนเสิร์ต 2 ขุนพลเพลงคือ คาราบาวพบพงษ์เทพ กระโดนชำนาญ ในวันที่ 30 พฤศจิกายน ณ สนามฟุตบอลสมุทรปราการยูไนเต็ด ปรากฏว่าผู้จัดประกาศยกเลิกการจัดงาน เนื่องจากติดขัดด้วยเหตุผลบางประการ รายละเอียดในใบโฆษณาอธิบายว่า บัตรคอนเสิร์ตมีจำนวนเพียง 2,000 ใบ ผู้จัดขอให้จองล่วงหน้าเพราะจะไม่มีบัตรขายหน้างาน แต่คำประกาศขอยกเลิกการจัดงานมีรายละเอียดเพียงว่า “เนื่องจากติดประกาศกฎอัยการศึก ทำให้ไม่สามารถจัดงานตามกำหนดได้”

เหตุผลเบื้องหลังการล้มเลิกการจัดงานนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะขายบัตรได้น้อยกว่าที่คาดหมาย ซึ่งสะท้อนกระแสที่กล่าวกันมาหลายปีแล้วว่า เพลงเพื่อชีวิตนั้นตายแล้ว ความตายของเพลงเพื่อชีวิตไม่เพียงมาจากความนิยมของประชาชนที่ลดลงอย่างมาก แต่ยังมาจากเพลงเพื่อชีวิตที่ร้องกันอยู่ในขณะนี้หมดบทบาททางการเมืองและสังคมไปแล้ว เพราะขณะนี้นักร้องเพลงเพื่อชีวิตคนสำคัญหลายคนกลายเป็นพวกไร้อุดมการณ์ รับใช้กระแสหลัก ต่อต้านประชาธิปไตย และต่อต้านขบวนการประชาชน

โดยประวัติศาสตร์ความเป็นมา เพลงเพื่อชีวิตเริ่มพัฒนามาจากกระแสของขบวนการนักศึกษาเมื่อสมัย 14 ตุลาคม 2516 อันนำมาซึ่งเพลงที่รับใช้การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของขบวนการนักศึกษา เพลงแรกที่ถูกแต่งขึ้นตั้งแต่ก่อน 14 ตุลาคมคือ เพลงสานแสงทอง โดยสุรชัย จันทิมาธร ภายใต้แรงบันดาลใจจากเพลงโฟล์กตะวันตกที่ต่อต้านสงครามเรียกร้องสันติภาพ ต่อมาหลังกรณี 14 ตุลาคม เมื่อได้รับอิทธิพลแนวคิดแบบสังคมนิยม เพลงเพื่อชีวิตได้มีความหมายชัดเจนขึ้นในลักษณะที่ว่าต้องเป็นเพลงที่มีเนื้อหาสะท้อนชีวิตและความทุกข์ยากของประชาชนระดับล่าง ต้องมีลักษณะต่อสู้เพื่อสังคมที่ดีงามกว่า เพลงเพื่อชีวิตที่โด่งดังมากในยุคแรก เช่น เพลงคนกับควาย ที่แต่งโดยสมคิด สิงสง และเพลงเปิบข้าว ที่นำมาจากบทกวีของจิตร ภูมิศักดิ์

ภายใต้กระแสการเคลื่อนไหวของขบวนการนักศึกษาได้เกิดวงดนตรีเพื่อชีวิตหลายวง ที่มีชื่อเสียงคือ วงคาราวาน นำโดยสุรชัย จันทิมาธร เพลงที่โด่งดังในสมัยนั้น เช่น ข้าวคอยฝน นกสีเหลือง อเมริกันอันตราย ตาคำ เป็นต้น วงกรรมาชน ของนักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล ที่มีชื่อเสียงจากเพลงเพื่อมวลชน และการนำเอาเพลงของจิตร ภูมิศักดิ์ มาร้องเป็นส่วนใหญ่ นักร้องคนสำคัญคือ กุลศักดิ์ (จิ้น) เรืองคงเกียรติ วงอื่นก็เช่น กงล้อ ของนักศึกษาธรรมศาสตร์ คุรุชน ของกลุ่มนักศึกษาวิทยาลัยครู โคมฉาย ของกลุ่มนักศึกษารามคำแหง รุ่งอรุณ ของกลุ่มนิสิตวิศวกรรม จุฬาฯ

และที่น่าสนใจมากคือ วงต้นกล้า ซึ่งนำดนตรีไทยมาเล่นเป็นดนตรีเพื่อชีวิต เพลงที่สำคัญคือ เจ้าการะเกด คนทำทาง เป็นต้น ด้วยความวิตกของชนชั้นปกครองขณะนั้น จึงได้ห้ามเพลงเพื่อชีวิตทั้งหมดออกเผยแพร่ทางวิทยุและโทรทัศน์ เพลงเพื่อชีวิตจึงจำกัดวงอยู่ในขบวนการนักศึกษา

เมื่อเกิดการปราบปรามประชาชนและรัฐประหารในกรณี 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 นักดนตรีเพื่อชีวิตแทบทั้งหมดได้เดินทางเข้าสู่เขตป่าเขา เพลงเพื่อชีวิตที่ขับขานเปลี่ยนเป็นเพลงปฏิวัติ ด้วยความมุ่งหวังปฏิวัติประเทศไทยไปสู่สังคมใหม่ เพลงปฏิวัติเหล่านี้ได้เผยแพร่ผ่านวิทยุเสียงประชาชนแห่งประเทศไทย มีเพลงที่น่าประทับใจที่ร้องกันต่อมา เช่น บินหลา คำสัญญา จากลานโพธิ์ถึงภูพาน ถั่งโถมโหมแรงไฟ อรุโณทัย เป็นต้น

สำหรับในเขตเมือง เพลงเพื่อชีวิตยังเป็นสิ่งต้องห้ามตลอดสมัยปฏิรูปของธานินทร์ กรัยวิเชียร จนกระทั่งต่อมาเมื่อเกิดรัฐประหาร 20 ตุลาคม พ.ศ. 2520 บรรยากาศทางการเมืองผ่อนคลายลง เพลงเพื่อชีวิตฟื้นคืน ในขบวนการนักศึกษาก็เกิดวงเพื่อชีวิตขนาดเล็ก เช่น พลังเพลง ฟ้าสาง เพลงที่น่าสนใจ เช่น ศรัทธาเมื่อมาค่าย น้องใหม่ เป็นต้น ด้วยเนื้อหาที่ลดความรุนแรงลงจึงสามารถเผยแพร่ออกสื่อมวลชนได้ และวงแฮมเมอร์กลายเป็นวงเพื่อชีวิตแรกสุดที่มีชื่อเสียง โดยการนำเพลงบินหลา ซึ่งเป็นเพลงในเขตป่าเขามาดัดแปลงเนื้อเพลงจนกลายเป็นที่นิยม และต่อมาได้ออกชุดเพลงปักษ์ใต้บ้านเราเป็นที่โด่งดังเป็นชุดที่ 2

ตั้งแต่ พ.ศ. 2523 การต่อสู้ในเขตป่าเขาเริ่มสลายตัว นักดนตรีเพื่อชีวิตต้องกลับมาประกอบอาชีพในสังคม สุรชัย จันทิมาธร กลับมาฟื้นวงคาราวานและโด่งดังจากเพลงคืนรัง ต่อมาก็มีวงเพื่อชีวิตอื่นเกิดขึ้นมา เช่น คนด่านเกวียน โฮป คีตาญชลี เป็นต้น แต่วงดนตรีเพื่อชีวิตยุคใหม่ที่โด่งดังที่สุดกลายเป็นวงคาราบาว โดยยืนยง โอภากุล (แอ๊ด คาราบาว) ที่เริ่มเป็นที่รู้จักจากเพลง แป๊ะขายขวด วณิพก ท.ทหารอดทน และมีชื่อเสียงขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของประเทศเมื่อออกเพลงชุดเมดอินไทยแลนด์ เมื่อ พ.ศ. 2527

เมื่อกระแสการปฏิวัติลดลงนับตั้งแต่ พ.ศ. 2524 เป็นต้นมา ทำให้เพลงเพื่อชีวิตปรับเปลี่ยนเนื้อหากลายเป็นเพลงเล่าเรื่องชีวิตในสังคม โดยไม่ต้องเกี่ยวข้องกับการต่อสู้เปลี่ยนแปลงสังคม สถานะก็กลายเป็นเพลงที่ร้องกันในสถานบันเทิง และเพลงเพื่อชีวิตก็กลายเป็นที่นิยมในกลุ่มวัยรุ่นและประชาชนทั่วไป ทำให้ยอดขายตลับเทปสูงอย่างมาก นอกจากนี้ยังเกิดธุรกิจผับเพื่อชีวิต คือร้านขายสุราและอาหารที่ร้องเพลงเพื่อชีวิต ทำให้เรื่องเพลงเพื่อชีวิตกลายเป็นธุรกิจสำคัญ แม้จะมีนักร้องเพลงเพื่อชีวิตรุ่นใหม่เข้ามาสู่ตลาดมากขึ้นก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับสังคมหรืออุดมการณ์ทางการเมืองอะไรอีก ในขณะที่นักร้องเพลงเพื่อชีวิตชั้นนำกลายเป็นคนร่ำรวยที่ห่างจากชีวิตประชาชนชนชั้นล่างมากยิ่งขึ้น

จุดเปลี่ยนทางการเมืองที่สำคัญคือ เมื่อเกิดขบวนการต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักร้องเพลงเพื่อชีวิตแทบทั้งหมดต่างเข้าร่วมสนับสนุนฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่นำโดยสนธิ ลิ้มทองกุล ต่อมานักร้องเพลงเพื่อชีวิตเหล่านี้ ทั้งซูซู มาลีฮวนนา คีตาญชลี ประทีป ขจัดพาล ยงยุทธ ด้ามขวาน เศก ศักดิ์สิทธิ์ โฟล์คเหน่อ ฯลฯ ก็พัฒนากลายเป็นนักร้องประจำการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อเหลือง เป็นฝ่ายสนับสนุนกระแสหลัก แต่งเพลงสนับสนุนชนชั้นนำ ต่อต้านประชาชนคนยากจนและคัดค้านประชาธิปไตย แม้กระทั่งหลังกรณีกวาดล้างปราบปรามประชาชนคนเสื้อแดงเมื่อ พ.ศ. 2553 นักร้องเพลงเพื่อชีวิตที่ถือว่าเป็นระดับครูอย่างสุรชัย จันทิมาธร กลับแสดงออกถึงทัศนคติรังเกียจเหยียดหยามคนเสื้อแดงอย่างชัดเจนเสมอมา จากนั้นเมื่อเกิดการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 แอ๊ด คาราบาว ก็สร้างปรากฏการณ์โดยแต่งเพลง “นาวารัฐบุรุษ” มอบให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรัฐประหาร

จึงกลายเป็นว่านักร้องเพลงเพื่อชีวิตเพียงส่วนน้อยที่อยู่ฝ่ายคนเสื้อแดง จนอาเล็ก โชคร่มพฤกษ์ แต่งหนังสือชื่อเพลงเพื่อชีวิตตายแล้ว และกลุ่มนักร้องเพลงเพื่อชีวิตที่อยู่ฝ่ายคนเสื้อแดงยินดีมากกว่าที่จะเรียกเพลงของพวกเขาว่า “เพลงไพร่” หรือ “เพลงคนเสื้อแดง” เพื่อจะได้ไม่ปะปนกับพวกเพลงเพื่อชีวิตของนักร้องฝ่ายเหลืองเหล่านั้น

ผลกระทบที่สำคัญอย่างหนึ่งต่อกลุ่มเพลงเพื่อชีวิตคือ ความนิยมเพลงเพื่อชีวิตตกต่ำลงอย่างมาก ภาพยนตร์เรื่อง “ยังบาว” หรือ “คาราบาวเดอะมูฟวี่” ที่สร้างเมื่อ พ.ศ. 2556 ที่ต้องการเล่าความเป็นมาของวงดนตรีคาราบาวสมัยแรกก็มีคนดูน้อยจนน่าใจหาย และคอนเสิร์ตเพลงเพื่อชีวิตหลายครั้งที่จัดขึ้นก็ล้มในลักษณะนี้

คงต้องสรุปว่า บทเพลงเพื่อชีวิตทั้งมวลสิ้นบทบาททางประวัติศาสตร์แล้ว
ooo

เผื่ออยากคิดถึงอดีต...



https://www.youtube.com/watch?v=L5uWrybKRX8



https://www.youtube.com/watch?v=L5uWrybKRX8