วันศุกร์, เมษายน 24, 2558

'ฟอร์บส์' เผย 'สนง.ทรัพย์สิน' มีที่ดิน 41,000 ไร่ ด้าน 'LPN' เข้าพัฒนาพื้นที่ ซ.ไผ่สิงโต ทำคอนโด มูลค่า 260 ล้าน




ที่มา tcijthai.com
22 เมษายน 2558

เว็บไซต์ฟอร์บส์ไทยแลนด์ เปิดเผยข้อมูลสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ถือครองที่ดินกว่า 41,000 ไร่ โดยที่ดินส่วนใหญ่ถูกกระจายออกไปสู่กับ ผู้เช่าเชิงพาณิชย์, หน่วนงานราชการและรัฐวิสาหกิจ และผู้เช่ารายย่อย ด้าน บมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) เปิดเผยว่า สนง.ทรัพย์สินฯ ได้ทำ MOU พิจารณาให้ LPN เข้าพัฒนาพื้นที่เช่าซอยไผ่สิงโตทำคอนโดมูลค่า 260 ล้านบาท




23 เม.ย. 2558 เว็บไซต์ฟอร์บส์ไทยแลนด์ เปิดเผยข้อมูลเมื่อวันที่ 17 เม.ย. 2558 ที่ผ่านมาว่าสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ถือครองที่ดินกว่า 41,000 ไร่ โดยที่ดินส่วนใหญ่ถูกกระจายออกไปสู่กับ ผู้เช่าเชิงพาณิชย์, หน่วนงานราชการและรัฐวิสาหกิจ และ ผู้เช่ารายย่อย

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 9 เม.ย. 2558 ที่ผ่านมาสำนักข่าวอินโฟเควสท์ รายงานว่า บมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) เปิดเผยว่า สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์พิจารณาว่า LPN ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โดยดำเนินการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยอาคารชุดเป็นหลักมาเป็นเวลา 26 ปี กว่า 120 โครงการ 300 อาคาร บนพื้นที่กว่า 5.0 ล้านตารางเมตร และดูแลผู้อยู่อาศัยกว่า 90,000 กว่าครอบครัว 180,000 คน ภายใต้แนวทาง “ชุมชนน่าอยู่" ที่เน้นคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของสานักงานทรัพย์สินในการพัฒนาชุมชน เพื่อให้ ผู้ที่อาศัยในชุมชนมีคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่ดี จึงได้เกิดความร่วมมือในการพัฒนาพื้นที่ของสำนักงานทรัพย์สินบริเวณซอยไผ่สิงโต

ทั้งนี้ สำนักงานทรัพย์สินฯ ให้บริษัททำการศึกษาและนำเสนอแนวทางในการพัฒนาภายใต้กรอบแนวคิดของสานักงานทรัพย์สิน และได้บทสรุปร่วมกันดังนี้ 1. แนวทางการพัฒนา คือ การพัฒนาโครงการนี้ภายใต้กลุ่มเป้าหมายสำคัญ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้อยู่อาศัยเดิมในพื้นที่ (Supportive Residence) และกลุ่มเป้าหมายใหม่ที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ทั่วไปที่ประกอบอาชีพในเมือง (Commercial Residence)

2. แนวทางการออกแบบ คือ การเสนอการออกแบบเพื่อตอบโจทย์ “ชุมชนน่าอยู่" โดยออกแบบพื้นที่ส่วนห้องพักบุคคลในขนาดที่เหมาะสมและตรงต่อความต้องการของกลุ่มเป้าหมายหลัก ผสมผสานกับการออกแบบสิ่งอานวยความสะดวกในพื้นที่ส่วนกลางที่เหมาะสมและหลากหลายสำหรับการใช้ชีวิตร่วมกัน เพื่อลดปัญหาการอยู่อาศัยร่วมกัน ในระยะยาว

3. แนวทางการบริหารโครงการ คือ การบริหารโดยเชื่อมโยงกับแนวคิดหลักของบริษัท “ชุมชนน่าอยู่" ที่มุ่งเน้นคุณภาพชีวิตของผู้พักอาศัย ตั้งแต่เริ่มต้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ ดำเนินการสื่อสาร การก่อสร้าง การส่งมอบไปจนถึงการดูแลคุณภาพชีวิตการอยู่อาศัยหลังจากการเข้าอยู่อาศัย การบริหารจัดการจึงต้องดำเนินการภายใต้บุคลากรภายในองค์กรที่ได้รับการปลูกฝังแนวทางของคุณภาพค่าบริการในทุกๆ กระบวนการ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ถึงปัจจุบันของการดูแลชุมชน

ดังนั้น จากบทสรุปดังกล่าวข้างต้น สำนักงานทรัพย์สินและบริษัทจึงได้ทำบันทึกข้อตกลงร่วมกันในการพัฒนาที่ดินบริเวณชุมชนไผ่สิงโต เนื้อที่ 1 ไร่ 1 งาน 95.26 ตารางวา ที่ตั้งตำบลคลองเตย อำเภอคลองเตย กรุงเทพมหานคร รูปแบบของกรรมสิทธิ์เป็นการเช่าที่ดินจากสานักงานทรัพย์สินมีกาหนดระยะยาว 30 ปี โดยเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการเช่าทรัพย์สินบนที่ดินดังกล่าวจะตกเป็นทรัพย์สินของสำนักงานทรัพย์สิน บริษัทจะพัฒนาโครงการอาคารชุดพักอาศัย จำนวน 1 อาคาร สูง 8 ชั้น จำนวนยูนิต ประมาณ 190 ยูนิต มูลค่าของโครงการรวม ประมาณ 260,000,000 บาท

บริษัทจะดำเนินการขายห้องกรรมสิทธิ์การเช่าห้องชุดในโครงการภายใต้การร่วมกำกับด้านราคาขายและการร่วมกันบริหารจัดการชุมชนจากสำนักงานทรัพย์สิน โดยประมาณรายได้จากการขาย 260,000,000 บาท