วันเสาร์, เมษายน 18, 2558

หลังหยุดห้าวัน ทั่นผู้ณรรมกลับมาคึกมาก ปากบอก "รัฐบาลนี้รับฟังความคิดเห็นประชาชนมาก" แต่ว่าความเห็นที่วิพากษ์ไม่อยากฟัง




หลังหยุดห้าวัน ทั่นผู้ณรรมกลับมาคึกมาก

ปากบอก "รัฐบาลนี้รับฟังความคิดเห็นประชาชนมาก" แต่ว่าความเห็นที่วิพากษ์ไม่อยากฟัง

"ยิ่งว่าผม ผมยิ่งทำมากกว่าเดิม เข้มงวดมากขึ้น reformใหม่หมด ยิ่งมีกำลังใจไม่ท้อแท้"

ยกทีมแถลงผลงานสามชั่วโมงกว่า แล้วกระแทกถึง บก. ลายจุดขายข้าวหยามหน้าคณะยึดอำนาจ




"บิ๊กตู่ขู่ บก.ลายจุด ขายข้าวถุง คุยทับรัฐบาล ระวังโดนเรียกตัวอีกรอบ ยังมีชื่ออยู่ในลิสต์" Wassana Nanuam เธอเล่า

งานนี้นอกจากเข็นฮัมวีออกวิ่งกระจายเสียง แล้วยังให้รองโฆษก พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด นักตระบัดออกมาฟัดกัดยับ ด้วยคำขู่ที่ว่า

"การออกมาเคลื่อนไหวแบบไม่สร้างสรรค์เช่นนี้อาจทำให้เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องทบทวนมาตรการที่ใช้กับนายสมบัติต่อไป"

(http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx…)




ข้อหาฉกรรจ์ 'ไม่สร้างสรรค์' นั่นคือว่า "การขายข้าวทุกชนิดทุกพันธุ์ในราคาเกวียนละ 15,000 บาท เป็นไปไม่ได้ เพราะจะทำให้กลไกตลาดได้รับความเสียหาย"

เสียหายจริงไหม ต้องอ่าน Wanchalearm Satsaksit ตอบแทน บก.

"วิธีคิดดูถูกแบบนี้ ผมค่อนข้างรังเกียจ อ่านแล้วอดไม่ได้ และวิธีคิดแบบนี้มักพบบ่อยๆ ในหมู่คนไทย คือ ความคิดที่ว่า 1. เป็นไปไม่ได้ 2. มีคนทำแล้ว และ 3. ทำไปทำไม"

"1. ‪#‎เป็นไปไม่ได้‬ : ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อบก.รับซื้อข้าวไปแล้วตันละ 15,000 บาทจากชาวนา บรรจุถุง จดทะเบียนการค้าแล้ว มันเป็นไปแล้ว สมัยยิ่งลักษณ์ก็เป็นไปแล้ว เหลือข้าวในสต็อคจน คสช.เอาไปขายจีน ฟิลิปปินส์ และให้เอกชนประมูลเอาไปส่งออกตั้งหลายรอบ

แล้ว คสช.จะบอกว่า ข้าวลายจุดเป็นไปไม่ได้ ทำลายกลไกตลาด ผมมองว่าที่ท่านโฆษก ‘ไก่อู’ ออกมาพูดจึงเป็นเพียงเรื่องตลก เพราะข้าวลายจุดที่ทำอยู่ตอนนี้ไม่กี่ตัน เมื่อเทียบกับปริมาณข้าวทั้งระบบ มันทำลายกลไกตลาดไม่ได้หรอกครับ อย่าโกหกตอแหลไปมากกว่านี้เลย"

ยังมีข้อความที่โฆษกไก่อูพูดถึงข้าวลายจุดอีกว่า "ซึ่งการทำแบบนี้ใช้ได้สำหรับข้าวปริมาณน้อย แต่ถ้าเป็นโครงการใหญ่อย่างที่รัฐบาลทำ การขายข้าวเพื่อช่วยๆกันอย่างนี้เป็นไปไม่ได้ จึงอยากให้สัมคงเข้าใจว่าสิ่งที่นายสมบัติเสนอเป็นสิ่งที่รัฐบาลปัจจุบันพยายามดำเนินการ เพียงแต่รัฐบาลในอดีตไม่ได้ทำ แต่ใช้การรับจำนำข้าว ทั้งนี้หากนายสมบัติทำได้ตามที่พูดจริง ก็จะเชิญชวนประชาชนให้นำข้าวที่เก็บไว้มาขายให้นายสมบัติในราคาเกวียนละ 15,000 บาท แต่ไม่รู้ว่าจะทำได้หรือไม่"

(http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1429161256)

ซึ่งคุณวันเฉลิมได้ตอบทุกเม็ดทุกประเด็นเป็นข้อๆ ตั้งแต่ ก. ถึง จ. ตามไปดูเต็มๆ ได้ที่นี่
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10153419933908243&set=a.10150120760503243.317427.607633242&type=1&theater

คัดมาให้ดูที่นี่แค่เป็นกระสาย

"จ. 'แต่ไม่รู้ว่าจะทำได้หรือไม่'

: ทำไมจะทำไม่ได้ล่ะครับ ตอนนี้ บก.ลายจุด เขาก็ทำไปแล้ว และมีกำไรเสียด้วย แม้ว่าการขายข้าวลายจุด จะขายแพงกว่าตลาด แต่ผู้บริโภคเขาเต็มใจที่จะซื้อมาบริโภค (เป็นไปตามกลไกการค้าเสรี รัฐจะแทรกแซงราคาข้าวลายจุดอย่างนั้นหรือ?)

ผู้บริโภคเองที่เขายอมจ่ายเงิน ‘ซื้อแพงกว่า’ ยี่ห้ออื่นๆ ตามท้องตลาด เพราะมันแพงกว่าไม่มากนัก แต่ได้ช่วยชาวนา ได้อุดหนุนเกษตรในเรื่องความเป็นธรรม และยังมีส่วนช่วยในเรื่องของการปรับโครงสร้างราคาข้าว ‘อย่างเป็นรูปธรรม’ แม้จะทำได้กับชาวนาเพียงบางกลุ่มเท่านั้น"

กระสายยังไม่หมด เติมอีกนิด

"ท้ายสุดนี้ จากแนวคิดของข้าวลายจุด หรือเกษตรกรที่ผันตัวมาเป็นคนค้าข้าวเอง (ไม่ว่าจะแบรนด์ใด) แสดงให้เห็นแล้วว่า การค้าขายข้าวในราคายุติธรรมเป็นไปได้ เพราะทุกคนต่างก็มีกำไร ทั้งชาวนา ทั้งคนขาย คนซื้อเองก็อิ่มกายอิ่มใจ

ทั้งหมดที่เขียนไปคงแสดงให้เห็นวิธีคิดของ คสช. แล้วว่า ‘คิดไม่เป็น’ – ‘ทำไม่เป็น’ และไม่มีแนวคิดที่จะช่วยเหลือชาวนาและเกษตรกรทุกกลุ่ม เพราะ คสช. โดยเฉพาะหัวหน้า คสช. ทำแต่เพียงพูดจาพล่อยๆ ไปวันๆ...ถามหน่อยเถอะ ไอ้การพูดมากๆเนี่ยมันควรนับเป็นผลงานสำคัญของรัฐบาลด้วยมั้ย

เอาสมองไปคิดแก้ปัญหาเพื่อประชาชนดีกว่าครับ
คนเขาขายข้าว ไม่ต้องไปไล่ขวิดเขาหรอก
ถ้าคิดอะไรไม่ออก ก็เอาทหารไปช่วยชาวนาไถนาสิครับ"