วันอาทิตย์, สิงหาคม 16, 2558

คดีมาตรา 112 ล่าสุดที่ยกฟ้องไปนั้น งามไส้มาก!! เพราะ "หลักฐานที่อัยการเอามานั้นเป็นไปไม่ได้" แล้วโดนพยานและจำเลยที่เชี่ยวชาญคอมพิวเตอร์แฉกลางศาล!




คดีมาตรา 112 ล่าสุดที่ยกฟ้องไปนั้น งามไส้มาก!!
เพราะสาเหตุที่ยกฟ้องมาจาก
"หลักฐานที่อัยการเอามานั้นเป็นไปไม่ได้"
แล้วโดนพยานและจำเลยที่เชี่ยวชาญคอมพิวเตอร์แฉกลางศาล!

เป็นคดีที่ชัดเจนว่ามีการปลอมแปลงข้อมูล
เพื่อใส่ความจำเลยในขณะที่หลักฐานถูกยึดโดยเจ้าหน้าที่รัฐ

ยกตัวอย่าง เช่น

1. Cache File ของ Facebook ที่ทางอัยการยืนยันว่ามีและใช้เป็นหลักฐานในการฟ้องจำเลย(Cache หน่วยความจำชนิดหนึ่งที่เก็บพักข้อมูลที่มีการเรียกใช้งาน)

แต่ในความเป็นจริงแล้ว "เป็นไปไม่ได้" ที่ทางอัยการจะมีหลักฐานชิ้นนี้ได้เพราะเป็นนโยบายของเฟซบุ๊กต้องการปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ จึงไม่สามารถเกิดแคชไฟล์ได้

2. ทางเจ้าหน้าที่อัยการได้ให้การว่าได้เข้าไปตรวจสอบ Source Code ของจำเลยแล้วดึงออกมาในรูปแบบข้อมูลภาษา " HTML "

แต่ Facebook ใช้ภาษา " PHP " ดังนั้นการเล่นเฟซบุ๊กจะไม่มีทางเกิดไฟล์ลักษณะนี้เข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ตามที่อัยการอ้างได้

3. ในขณะที่จำเลยอยู่ในความควบคุมของเจ้าหน้าที่ ปอท.
ได้มีเจ้าหน้าที่ "ยุ่งเกี่ยวกับหลักฐานคอมพิวเตอร์ของจำเลย"
ซึ่งตัวหลักฐานก็นำไปพร้อมกับวันจับกุม

และมีหลักฐานว่าเจ้าหน้าที่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับคอมพิวเอตร์ของจำเลยระหว่างถูกควบคุมตัว โดยแสดงได้จาก lease terminate date บ่งบอกว่ามีการยุ่งเกี่ยวกับหลักฐานตอนจำเลยถูกขัง

4. ในคดีนี้ "ไม่มีการทำสำเนาฮาร์ดดิสและทำ Hashing" ซึ่งนั่นแปลว่า ถ้าจะมีใครมั่วปลอมแปลงหลักฐานจากเครื่องอื่นมาใส่ร้ายคนก็ย่อมทำได้

หาอ่านตัวเต็มได้ที่ : http://freedom.ilaw.or.th/case/176#trial_observation_record

===================

แล้วคดีนี้สำคัญอย่างไร?

เพราะคดีนี้แสดงให้เห็นถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่ มีเจตนา
"ปลอมแปลงข้อมูลเพื่อใส่ความ" เอาผิดจำเลยที่เป็นประชาชนธรรมดาในชั้นศาลในคดีมาตรา 112 !

แล้วคดีมาตรา 112 ที่ผ่านๆ เราเชื่อถือเจ้าหน้าที่ได้แค่ไหน!!
เราแน่ใจได้อย่างไรว่าเรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้น?

ที่จำเลยถูกยกฟ้องเพราะจำเลยเป็นผู้ชำนาญด้านคอมพิวเตอร์ จึงสามารถจับผิดหลักฐานเท็จจากอีกฝั่งได้ หากแต่ว่าเป็นประชาชนธรรมดาจะสามารถจับผิดได้อย่างไร?

แล้วนี่จำเลยโดนฟ้องตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว ติดคุกไป 1 ปี 2 เดือน ไม่ได้ประกันตัว ทั้งที่ยังไม่ได้ตัดสินว่าเป็นผู้กระทำผิด แต่จำเลยต้องเสียงาน เสียเงิน เสียชื่อเสียงไปเรียบร้อยแล้ว

==================

ใครมันบอกว่า "ไม่ได้ทำผิดจะกลัวอะไร"

ดูคดีนี้เป็นตัวอย่าง
" ไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ติดคุกฟรี ห้ามประกัน เสียเงิน เสียงาน เสียชื่อเสียง แถมเกือบซวยโดนปลอมแปลงข้อมูลเอาผิดอีก"

เหมือนคนใส่ความจะไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเสียด้วย....

ถ้าจำเลยเป็นตาสีตาสา ไม่มีความรู้คอมพิวเตอร์แน่นปึ้กแบบนี้คิดว่าจะรอดไหม?

นึกถึงคดี อากง SMS ที่เจ้าตัวบอกส่งไม่เป็น ขึ้นมาทันใด

=================

ส่วนหนึ่งจาก ilaw

"สุรภักดิ์เบิกความต่อว่า การที่ตนถูกกล่าวหาในคดีนี้ เชื่อว่าเกิดจากความเข้าใจผิดของทีมล่าแม่มดออนไลน์

แต่ไม่ทราบว่าชี้มาที่ตนได้อย่างไร ด้วยหลักฐานที่ไม่มีอยู่จริงในโลก กว่าตนจะได้พูดในวันนี้ต้องรอมาเป็นเวลาหนึ่งปีกับอีกสิบหกวัน ตนรู้ทุกอย่างว่า ในคอมพิวเตอร์ของตนมีอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง ข้อมูลที่ตำรวจนำมาฟ้องต้องเกิดขึ้นหลังจากออกจากมือตน

แน่นอน ถ้าหากตนกระทำความผิดคงไม่บันทึกข้อมูลเหล่านี้ไว้ในเครื่องเพื่อให้ถูกจับ และไม่มีเหตุผลที่จะต้องบันทึกไว้ในไดรฟ์อี และเท็มโพลารีไฟล์

ตนฟันธงว่า คดีนี้ทำหลักฐานขึ้นมาเพื่อจะฟ้องตนให้ได้ การมาแจ้งความก็มีแต่คนมากล่าวหาลอยๆ หลักฐานทั้งหมดเพิ่งมาเห็นหลังจากฟ้องคดีต่อศาลแล้ว

สุดท้ายสุรภักดิ์เบิกความยืนยันกับศาลว่า ไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิด"

ที่มา เพจ
หยุดดัดจริตประเทศไทย