วันอังคาร, สิงหาคม 18, 2558

เรามาช่วยกันสร้างศูนย์รวมข้อมูลข่าววินาศกรรมกันดีไหม?

โพสต์จาก Status ส่วนตัวใน Facebook:  เรามาช่วยกันสร้างศูนย์รวมข้อมูลข่าววินาศกรรมกันดีไหม?


เรื่องการก่อวินาศกรรมในใจกลางกรุงเทพมหานคร เป็นเรื่องที่สร้างความสั่นสะเทือนให้กับจิตใจของประชาชนเป็นอย่างยิ่ง

แต่เรื่องที่น่าเศร้าใจมากไปกว่านี้ คือ สื่อออนไลน์หลายแห่ง รวมทั้งบุคคลที่มีความเกลียดชังทางการเมืองเป็นที่ตั้ง นำเอาเรื่องแบบนี้มาประโคมข่าว เพื่อกระพือ "สันดาน"ของตนเองออกมา จากการอาศัยผลประโยชน์หากินกับคนที่เสียชีวิตกัน

โดยเฉพาะนายตัวแสบที่ทำงานเป็นโฆษกรัฐบาลนั้น สามารถประกาศออกมาอย่างไม่คิดเลยว่า เป็นผลงานของฝ่ายไหน ทั้งๆ ที่ยังไม่มีการทำการพิสูจน์หลักฐานเลย การพูดพล่อยๆ "ปากหมา" อย่างนี้ ถือว่า โชคดีมากๆ ที่ไม่ได้ออกมาพร่ำเรื่องแบบนี้ในต่างประเทศ เพราะกฎหมายไทยนั้น การพูดพล่อยๆ ก็ไม่เป็นภาระใดๆ กับเจ้าตัวแต่อย่างใด ไม่ต้องมารับผิดชอบต่ออะไรภายหลัง

-------------------

และทางฝ่ายทหารไทยเอง ก็ "ขาดประสบการณ์" เป็นอย่างมากๆ ที่ไม่มีการประสานอะไรกันเลย กับหน่วยงานของผู้บังคับใช้กฎหมาย และเวลาผ่านไปเกือบ 12 ชั่วโมงแล้ว แต่ยังไม่มี บรรดาระดับผู้นำคนใด ออกมาแสดงความเสียใจ และแจ้งให้ประชาชนทราบถึงขั้นตอนขั้นต่อไปว่า จะทำการอย่างไรบ้าง

-------------------

ผู้นำของประเทศสิงคโปร์ เขียนสารแสดงความเสียใจออกมาในเวลาสามชั่วโมงหลังจากเหตุการณ์ ส่วนทางประเทศอังกฤษและประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ออกแถลงการณ์เตือนนักท่องเที่ยวเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว แต่แถลงการณ์อย่างเป็นทางการของประเทศไทย ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น

----------------------
ดิฉันขอเล่าถึงเหตุการณ์ที่คล้ายกันให้ฟังสักเรื่องหนึ่ง รวมไปถึงการแก้ไขปัญหาในเวลานั้น

เหตุการณ์แบบนี้ เคยเกิดขึ้นใน US เมื่อสองปีเศษๆ มาแล้ว ที่เมือง Boston, Massachusetts ในการแข่งขันการวิ่งมาราธอน ซึ่งต่อมา เราก็ทราบกันว่าเป็นเหตุการณ์การก่อการร้ายที่มี พี่น้องสองคนคือ นาย Tsarnaev เป็นหัวโจก

แต่ในเวลานั้น ไม่มีใครออกมาสัมภาษณ์และสรุปภายในสองชั่วโมงว่าเป็น "กลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง" หรือ มีการเชื่องโยง กับ กลุ่ม Al Qaeda แต่อย่างใด

มีแต่การขอความร่วมมือ บริจาคเลือด และมาช่วยเหลือผู้บาดเจ็บกัน เอาเรื่องส่วนรวมเข้ามาก่อน

แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นมา ทางการของเมือง Boston และฝ่ายผู้บังคับใช้กฎกมาย ก็ไม่ได้ออกมาคาดการณ์กันว่า เป็นฝีมือกลุ่มใดบ้าง แต่กลับให้ทางผู้บังคับใช้กฎหมาย พยายามหาวิธีการสร้างความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐ ภาคท้องถิ่น และภาคประชาชนขึ้นมา โดยอาศัยให้ทางหน่วยงานของ Federal Bureau of Investigation หรือ สำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) เป็นหน่วยงานศูนย์กลาง

เขาประสานกันตั้งแต่หลังเหตุการณ์ กล่าวคือ เจ้าหน้าที่ฝ่ายตำรวจของเมือง Boston เป็นผู้เก็บหลักฐานต่างๆ และ ในเวลาต่อมา ก็มอบอำนาจให้กับทาง FBI เป็นผู้ดำเนินการ เพราะคดีแบบนี้ จะต้องสามารถตามคนร้ายได้ทุกรัฐและได้ทั่วทั้งสหรัฐเอง

-------------------

เนื่องจากมันเป็นเหตุการณ์ที่อุกอาจมาก ทาง FBI ทราบดีว่า กำลังพนักงานของตนเอง จะอุทิศให้กับเรื่องนี้ไม่ได้แน่นอน ก็ขอความร่วมมือกันจากภาครัฐ และภาคเอกชน กล่าวคือ ทั้งสื่อมวลชน, กล้องวงจรปิด, ผู้คนที่สัญจรไปมาต่างๆ รวมทั้งประจักษ์พยานและวัตถุพยานทุกอย่างเข้ามาช่วยกัน

หลักฐานต่างๆ นั้นมาจากพวก Cellphones, Vine Videos, Instragram Feeds รวมทั้งขอความร่วมมือจากผู้คนต่างๆ ในการส่งเทปหรือภาพ เข้ามาไว้ที่ศูนย์ปฎิบัติการ

และทางการของ FBI ก็ไม่ได้ไปชี้หน้าด่าใคร หรือคาดหวังว่า จะเป็นกลุ่มผู้ก่อการร้ายใดๆ ทั้งสิ้น เพราะเรื่องการสอบสวนเก็บข้อมูล ต้องทำเป็นความลับ และปราศจากอคติทุกอย่าง

-------------------

หลังจากที่ทาง FBI ขอความร่วมมือไปไม่ถึงสองวัน คลื่นของรูปภาพและวิดีโอต่างๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์และสถานที่ใกล้ๆ กับที่มีการวางระเบิด ก็เข้ามาท่วม เซิร์ฟเวอร์ของ Twitter, Facebook, Vine, Youtube และหน่วยงานทาง Social Media ต่าง ๆ จากนั้น ก็นำมาเปรียบเทียบกับกล้องวงจรปิดที่ Copley Square

และเทคโนโลยี่ที่ใช้ ก็สามารถนำเอาภาพแบบ mosaic เข้ามาช่วยจากมุมกล้องที่ใหญ่และที่กว้างขวาง ทำการประดิษฐ์และสร้างรูปสามมิติขึ้นมาจำลองเหตุการณ์จริงๆ ในขณะที่เกิดขึ้น ไม่ว่า คนผู้นั้นอยู่ที่ไหนบ้าง

ส่วนที่สำคัญที่สุดคือ การสัมภาษณ์จากประจักษ์พยานในสถานที่เกิดเหตุ ไม่ว่าจะเป็นคนชาติไหนหรือพูดภาษาอังกฤษได้นิดหน่อย ก็จะมีการเอาล่ามมาอาสาช่วยทุกอย่าง

----------------

วิดีโอที่เก็บไว้ ก็เริ่มตั้งแต่ก่อนวันเกิดเหตุ ไปจนถึงวันที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นมา เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องละเอียด และใช้เวลานับสัปดาห์กว่าจะวิเคราะห์ได้ว่า อะไรเกิดขึ้น และจุดเกิดเหตุนั้น ห่างจากตัวบุคคลแค่ไหน มีคลื่นวิทยุอะไร

ทุกๆ องค์กร ทำงานประสานร่วมกัน เพื่อมุ่งไปยังจุดเดียวว่า จะต้องลากตัวคนกระทำผิดมาให้ได้ลืมบอกไปว่า หน่วยงานเกี่ยวกับโทรศัพท์ของเอกชน ก็ส่งข้อมูลให้กับทางการเช่นกันว่า มีการใช้โทรศัพท์ในเขตแถบนั้นเวลาใดบ้าง โดยเฉพาะเวลาที่เกิดระเบิดขึ้นในเสี้ยววินาที เนื่องจากอาจจะมีการใช้โทรศัพท์เป็นตัวจุดชนวนได้ มันมีความแตกต่างระหว่าง การใช้โทรศัพท์เพื่อการจุดชนวนระเบิด กับการใช้โทรศัพท์ในการสนทนา หรือ ส่ง SMS กัน ดังนั้น คนที่อยู่ในระดับเทคโนโลยี่ เขาดูออกแน่นอนถึงความแตกต่าง

หลักฐานต่างๆ ทุกอย่างนี้ เกิดจากความร่วมมือทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ทุกๆ คน ต้องการให้จับตัวผู้ก่อการร้ายให้ได้ และนี่คือจุดประสงค์หลัก

-----------------

เขาเรียงลำดับความสำคัญกันก่อนว่า How, Why, What, When, Where และ Who ไม่ใช่ปุ๊บๆ คุณก็สรุปกันก่อนแบบไทยๆ ว่า Who กันแบบไม่ต้องรับผิดชอบกันเลย เอาความเกลียดชังก่อน เพราะมันเป็นเป้าที่เห็นกันอย่างง่ายที่สุด

วิดีโอภาพจากเหตุการณ์ที่ราชประสงค์ อาจจะเห็นไม่ชัดเหมือนกับที่ Boston Marathon เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ตอนกลางคืน แต่ท่านที่มีภาพถ่ายตั้งแต่ก่อนเหตุการณ์ 72 ช้่วโมงก่อนหน้า ก็สามารถส่งภาพเหล่านี้ให้ได้ เพราะผู้กระทำความผิดนั้่น ควรจะเข้ามาในสถานที่ในช่วงเวลาประมาณนี่ เนื่องจาก ประชาชนส่วนใหญ่ เบนความสนใจไปให้กับกิจกรรม Bike for Mom กัน

และมันเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ ที่ การวางระเบิดจะเกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น คือ 72 ชั่วโมงก่อนหน้า (กรุงเทพฯ อยู่ในช่วงฤดูฝน และการก่อการร้ายก็ต้องดูจังหวะที่ "แห้ง" ที่สุดอยู่แล้ว)

----------------

ขอเพิ่มข้อมูลนิดหนึ่งว่า ช่วยกรุรณาบอกเพื่อนๆ ของท่าน ถ้าเกิดมีรูปถ่ายใกล้ๆ กับสถานที่ที่เกิดเหตุเมื่อ 72 ชั่วโมงที่ผ่านมา อย่าไปลบหรือ delete รูปหรือ Video เหล่านั้น เพราะท่านอาจจะเป็น ผู้ Captured ภาพของการลงมือการก่อวินาศกรรมกันได้ อย่าทำลายอะไรในเวลานี้ ลองเช็คดูอีกครั้ง ถ้ามันมัวหรือมืด ก็ไม่เป็นไร เพราะทางการไทย น่าจะมี technology ในการปรับโฟกัส หรือ ปรับแสง หรือ สร้าง mosaic ได้นะคะ...

-----------------

แต่แทนที่ บุคคลที่เคยเป็นตัวแทนระดับโฆษกของรัฐบาล จะหาหนทางในการให้ประชาชน "หันหน้ามาร่วมมือกัน" คนอย่าง นายสรรเสริญ รวมไปถึง หนังสือพิมพ์ฝ่ายอนุรักษ์นิยมบางฉบับ และอาจารย์สอนหนังสือบางท่าน กลับตัดสินใจโพสต์ ให้การก่อวินาศกรรมนี้ กลายเป็นเรื่อง "การเมือง" ไปเสียหมด เหมือนกับเป็น "ผลงานของฝ่ายตรงข้าม" ที่ตนเองมีความเกลียดชังอยู่เป็นทุนเดิม

นี่คือ ความแตกต่างระหว่าง จิตใจของผู้คน กับ คุณค่าของความเป็นมนุษย์

-----------------

ทำไม มันถึงเป็นเรื่อง ยากจริงๆ ที่จะขอความร่วมมือ ช่วยจับตัวหรือหาตัวผู้ก่อการร้ายแบบนี้ แทนที่จะไป "สาดโคลน" กันตั้งแต่ชั่วโมงแรกๆ ของเหตุการณ์ ?

เรื่องแบบนี้ ไม่ใช่ว่า คุณจะเป็น "เหลือง" "แดง" "สลิ่ม" "ควาย" ฯลฯ ไม่ว่า จะเกลียด ประชาธิปัตย์ ยิ่งลักษณ์ ทักกี้ เพื่อไทย อภิสิทธิ์ สุเทพ พุทธอิสระ หรือ ประยุทธ คสช ขนาดไหน คุณควรลดหรือหยุดเรื่องแบบนี้.. มันมีการก่อวินาศกรรมในใจกลางเมืองหลวง และที่สำคัญคือ มีการเสียชิวิตและบาดเจ็บกับคนบริสุทธิ์รวมอยู่ด้วย

มันได้ประโยชน์อะไร จากการเขียน "สาดโคลน" ? เพื่อความ "สะใจ" อย่างนั้นหรือ? หรือว่า จิตใจของพวกคุณ มีความชื่นชอบมากๆ ในการ "หาโอกาส" แบบนี้มานาน?

ทุเรศจริงๆ เมื่อ "โอกาส" ของพวกคุณนั้น มีการ "เสียชีวิต" จากคนที่เป็นเหยื่อไปด้วย.

สังคมไทย กลับกลายเป็น "สังคมที่ป่วย" มากๆ ทางจิตใจไปจริงๆ......

----------------.

มันกลายเป็นว่า คนที่อยู่หลังคีย์บอร์ด กลับสนุกสนานกันในการ ใส่ร้ายป้ายสีซึ่งๆ หน้า แทนที่จะ ออกมาขอความช่วยเหลือ ร่วมมือกัน

มันไม่มีทางเป็นไปได้เลย ที่พวกคุณสามารถจับตัว หรือ แม้แต่ได้เบาะแสว่า ใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์แบบนี้ภายในระยะเวลา 2-3 ชั่วโมง และตัวของบุคคลเหล่านี้ทั้งหมด รวมทั้ง นายสรรเสริญเอง ก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์เลย พวกนี้ คือบุคคลประเภท "ฟังเขาเล่ามา" ทุกๆ อย่าง Your information are second - third or may be "fourth" hand เสียด้วยซ้ำไป

จากนั้น ก็อาศัย "ความจงเกลียดจงชัง" ให้ความคิดเห็นทางปาก หรือปากกา ส่งบอก หรือ เขียนให้ แฟนคลับ อ่าน และไปแชร์ต่อ เพื่อยุให้ความแค้นส่วนบุคคลนั้น ปะทุขึ้นอยู่ตลอดไป...

ต้อง "กระพือ" ความเกลียดชัง "ให้ลุกโพลง" ไม่อย่างนั้น "พวกมัน" จะเข้ามา "โกงกิน" ประเทศชาติอีก คิดกันได้จริงๆ แค่นี้หรือ?

-----------------

การขอความร่วมมือแบบนี้ เป็นผลดีต่อรัฐ และเป็นผลดีต่อประเทศชาติ รวมทั้งสร้างความเชื่อถือให้กับสังคม ข้อสำคัญก็เพียงแต่ คุณต้องเคารพกฎหมาย และเคารพการแสดงความคิดเห็น ไม่ใช่อะไรๆ ก็กลายเป็น "ทักกี้" ไปหมด

มันทุเรศมากๆ เมื่อพวกคุณ มีอคติกับกระบวนการยุติธรรมตั้งแต่เริ่มแรก คือ คุณไป "ฟันธง" กับเหตุการณ์ ทั้งๆ ที่ข้อมูลของคุณนั้น อ่อนมากๆ หรือมันเป็นการ "ปั้นน้ำเป็นตัว" นั่นเอง

และถ้าคุณได้รับฟังรายงานจากสำนักข่าวต่างประเทศ ที่มีกลุ่ม Experts ทางอาวุธและมีประสบการณ์เกี่ยวกับการก่อวินาศกรรมและการก่อการร้ายมากกว่าระดับของนายสรรเสริญหลายเท่า พวกนี้ให้ความคิดเห็นว่า การกระทำที่ราชประสงค์ เป็นฝีมือของพวกมืออาชีพมากๆ และไม่ใช่คนธรรมดาที่สามารถกระทำกันได้ เขาอ้างเหตุการณ์จากในประเทศตะวันออกกลาง และอีกหลายแห่งรวมกัน

การขนระเบิด 3 กิโลกรัม ไม่ใช่การขนเงินสดหรือการขนน้ำตาลหรือถุงข้าวสาร มันมีจังหวะ การป้องกันการสั่นสะเทือน, อุณหภูมิ, ความร้อน, ความชื้นในพื้นที่, รวมทั้งคลื่นวิทยุต่างๆ ประกอบในสถานที่เหล่านั้น บวกกับความพยายามในการหามุมที่หลบจากล้องวงจรปิดให้มากที่สุดด้วย

คุณจะต้องมีความเป็นธรรมในจิตใจ อย่าเอา ความเกลียดชังต่อตัวบุคคลมาเป็นอคติในการวิเคราะห์และการตัดสินใจในการ "พล่าม" กันเลย

เรื่องแบบนี้ ทางการต้องขอความร่วมมือ และสร้างศูนย์กลางการข่าว เพื่อให้ประชาชนทุกๆ คน ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง สามารถส่งภาพถ่ายต่างๆ เข้ามาให้ผู้เชี่ยวชาญทำการวิเคราะห์สอบสวนกันได้ว่า การสืบสวนมันจะไปถึงไหนแล้ว

---------------------

และที่สำคัญมากๆ (ที่ประเทศไทยไม่มีกฎหมายป้องกัน หรือ ช่วยป้องกันในเรื่องนี้) คือ การส่งรูปด้วยการสร้างหลักฐานปลอมขึ้นมา เพราะไม่มีกฎหมายฟ้องร้องแต่อย่างใด

ดิฉันคิดว่า ถ้าเป็นสถานการณ์พิเศษ ควรจะมีการออกกฎหมายบังคับการลงโทษอย่างหนักที่สุด ถ้ามีการส่งรูปด้วยการ แสร้งหรือสร้างหลักฐานปลอมขึ้นมา เพื่อป้ายสีบุคคลบริสุทธิ์ ที่ฝ่ายตนเองต้องการให้เป็นเป้ารวมไปถึง การแชร์ภาพปลอมหรือตัดต่อในโลกสังคมออนไลน์อีกด้วย

---------------------

อีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องจูงใจให้ผู้คนเข้ามาช่วยเหลือให้ความร่วมมือ ก็คือ มีการ ("ให้รางวัล" เกี่ยวกับ เบาะแส หรือ "กุญแจสำคัญ" ในการจับตัวคนร้าย) เรื่องแบบนี้ เป็นเรื่องธรรมดามากๆ ใน US ที่จะมีการ "ตบรางวัล" เพื่อให้ทางการสามารถดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดได้ (มันเป็นแบบอย่างของหลักการ "พลเมืองดี" ที่มีต่อสังคม และได้ผลมากยิ่งกว่า การท่องจำค่านิยมอะไรนั่นเสียด้วยซ้ำไป เพราะ "การทำความดีให้กับสังคม ก็ย่อมมีผลตอบแทนจริงๆ")

---------------------

สุดท้ายนี้ ดิฉันก็ขอบอกตรงๆ ว่า ไม่ต้องเอาเครื่องมือ GT200 ออกมาตรวจใช้ตราแถบราชประสงค์อีกต่อไป เพราะว่า มันหมดสภาพความสามารถในการพิสูจน์ความจริงไปนานแล้ว

เรามาสร้าง "ความกดดัน" ให้ทางการ "สร้างศูนย์รวมข้อมูล" เกี่ยวกับเรื่องนี้ เพื่อประชาชนสามารถส่งหลักฐานต่างๆ เข้าไปช่วยในการล่าตัวผู้ก่อการวินาศกรรมกันดีกว่านะคะ